การดูแลผิวพรรณให้ปราศจากริ้วรอยที่ต้องเกิดตามธรรมชาติ และนี่คือสิ่งที่ผู้หญิงเป็นกังวลและไม่อยากให้เกิดขึ้นเร็วเกินไป แต่รู้ไหมว่าสาเหตุของริ้วรอยบนใบหน้าและสิ่งที่คาดหวังที่จะได้รับกลับมา นั่นมักจะเกิดจากสิ่งที่เราเลือกใส่ลงมาที่ผิวของตัวเอง
ส่วนใหญ่ริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นจะเกิดขึ้นเมื่อชั้นบนสุดของผิวบางลงและสูญเสียความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิวไป เมื่อคุณอายุมากขึ้น คุณจะเริ่มสูญเสียเส้นใยอีลาสตินและคอลลาเจนในผิวหนังซึ่งเป็นสาเหตุของผิวหย่อนคล้อยจากหลาย ๆ สาเหตุไม่ว่าจะเป็นการดูแลตัวเอง หรือสภาพแวดล้อม
มาดูกันถึงวิธีที่จะดูแลผิวให้หลบหลีกการเกิดริ้วรอยตามธรรมชาติ รวมไปถึงสิ่งที่ควรทำมาใช้กับผิวและวิธีปรนนิบัติผิวที่ง่าย ๆ ที่จะจัดการกับริ้วรอยเหล่านี้
ก่อนอื่นเลยมารู้จักรอยย่นที่เกิดบนใบหน้าของเราก่อนว่ามีกี่ประเภท มีทั้งหมด 3 ประเภทด้วยกัน
1. ริ้วรอยคงที่ Static Wrinkles
เป็นริ้วรอยประเภทที่ว่า ต่อให้ผิวหนังเราไม่มีการขยับก็ยังคงมองเห็น ค่อนข้างเกือบดูเหมือนริ้วรอยถาวร ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวลใจมากสำหรับผู้หญิง ริ้วรอยประเภทนี้เกิดได้จากปัจจัยต่อไปนี้
- การสูบบุหรี่
- กรรมพันธ์ุ
- แสดงแดด
2. ริ้วรอยแบบไดนามิก Dinamic Wrinkles
Dinamic Wrinklesเป็นการเกิดริ้วรอยจากการแสดงออก ท่าทาง เช่น การหรี่ตามองแสงอาทิตย์ การยิ้ม หรือแม้กระทั่งการขมวดคิ้วหรือรวมไปถึงการรูปปากในขณะสูบบุหรี่
ริ้วรอยเหล่านี้จะเกิดขึ้นแบบ temporary มักจะเกิดหลังจากกล้ามเนื้อหดตัว เห็นชัด ๆ ได้เช่น การยิ้ม หรือหัวเราะ การดึงสีหน้า หรือการจ้องสิ่งใดสิ่งหนึ่งในเวลานาน ๆ ริ้วรอยเหล่านี้จะเริ่มฝังตัวนานขึ้นเมื่อมีอายุที่เพิ่มขึ้น เพราะผิวหนังจะเริ่มสูญเสียคอลลาเจน และอีลาสติน
3. ริ้วร่องรอยลึก Deep Wrinkles
ริ้วรอยร่องลึกมักเกิดจากแรงโน้มถ่วง มันก็คือการเปลี่ยนแปลงตามวัยนี่แหละ ความยืดหยุ่นของผิวเริ่มลดประสิทธิภาพลง เนื้อเยื่อใบหน้าจะเริ่มมีความหย่อนคล้อย
เมื่อปฏิกิริยาความหย่อนคล้อยเกิดขึ้นบนใบหน้า ความเปลี่ยนแปลงของส่วนต่าง ๆ ก็เริ่มคล้อยลง เช่น เปลือกตาเริ่มตก ดวงตาเริ่มกลวงมากขึ้น ริมฝีปากบนเริ่มบางลง รวมไปถึงปลายจมูกจะดรอป
เมื่อเราทำความเข้าใจกันถึงรูปแบบของริ้วรอยกันเรียบร้อย ต่อไปก็เป็นการใช้เคล็ดลับในการช่วยพยุงและหยุดการเกิดริ้วรอยก่อนเวลา และเยียวยาทุกริ้วรอย ตามมาดูกัน
10 เคล็ดลับเพื่อหยุดริ้วรอยก่อนเวลาเพื่อชีวิตดี ๆ ของผู้หญิง
1.เมื่อคุณสามารถค้นหาประเภทผิวของคุณแล้ว คุณก็จะสามารถหาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่เหมาะกับผิวของคุณได้ง่ายขึ้น ดูจากการแยกประเภทผิวและสิ่งที่เหมาะและควรใช้จากด้านล่างนี้ได้เลย
สำหรับผิวมัน มะนาว แตงกวา เหมาะสมที่สุด ทำมาสก์หน้าที่มีมะนาว แตงกวา หรือดินเหนียวสีเขียว เพิ่มเติมด้วยการมองหาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีกรดซาลิไซลิก หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีสูตรเข้มข้นลองเป็นสูตรเนื้อโลชั่นที่บางเบา
สำหรับผิวแห้ง ส่วนผสมจากธรรมชาติจะดีที่สุดสำหรับผิวแห้ง ได้แก่ อะโวคาโด โยเกิร์ตธรรมชาติ น้ำผึ้ง และน้ำมัน ประเภท มะกอก อัลมอนด์ หรือโรสฮิป เปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีสารให้ความชุ่มชื้น (Humectant) ที่มีกรดไฮยาลูโรนิก กลีเซอรีนและเซราไมด์เหล่านี้จะเพิ่มประสิทธิภาพความชุ่มชื้นให้ผิว
สำหรับผิวผสม ผิวลักษณะนี้จะมีความพิเศษชัด ๆ ที่เราเรียกว่าT zone จะเป็นในส่วนของจมูง และหน้าผาก จะมีความเงา ในขณะที่ส่วนอื่นบนใบหน้าปกติหรือแห้ง แนะนำให้ใช้มอยส์เจอไรเซอร์แบบบางเบาที่ด้านข้างของใบหน้าเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องลง T zone และต้องเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่ก่อให้เกิดสิวเพื่อหลีกเลี่ยงการอุดตันของรูขุมขน
สำหรับผิวแพ้ง่าย ผิวประเภทนี้ค่อนข้างเจ้าปัญหายุ่งยาก ผิวแพ้ง่ายมักมีการตอบสนองการแพ้ที่เร็วกับผลิตภัณฑ์บางชนิด ให้หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีฤทธิ์รุนแรง เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยนต่อผิวและปราศจากแอลกอฮอล์ หรือน้ำหอม แนะนำให้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ DIY ที่เป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติ ส่วนผสมที่หาได้ง่ายก็เช่น โยเกิร์ตธรรมชาติ องุ่น ข้าวโอ๊ต แตงโม น้ำผึ้ง และแป้งข้าวโพด
2. การทำความสะอาดผิวที่ถูกต้อง เคล็ดลับของการทำความสะอาดผิวหน้าที่ดีที่สุดคือการล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นเพื่อช่วยในการเปิดรูขุมขนในการกำจัดสิ่งสกปรกออกไปอย่างหมดจด แนะนำว่าไม่ควรใช้สบู่ในการทำความสะอาดผิวหน้าเพราะจะทำให้ผิวแห้งมากกว่าปรกติ
3. ให้เลือดบนผิวหน้าได้ไหลเวียนดีด้วยการใช้แปรงสำหรับทำความสะอาดหน้าโดยเฉพาะ นำมาถูวนบนใบหน้าเบา ๆ เพื่อการหมุนเวียนของเลือดที่ดีขึ้นพร้อมกับการกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
4. การผลัดเซลล์ผิวด้วยการขัดผิวหน้า ให้ใช้สครัปขัดผิวที่ไม่มีเนื้อหยาบจนเกินไป ทำเพียงสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ไม่ควรเกินจากนี้ การสครัปผิวหน้าจะเป็นการผลัดเซลล์ได้ดีเยี่ยม เป็นการกำจัดเซลล์เก่าออกไปและผลัดเซลล์ใหม่ขึ้นมาแทน
5. การป้องกันผิวจากรังสีอัลตร้าไวโอเลตที่มาพร้อมกับแสงแดด ซึ่งเป็นอันตรายต่อผิวหนังชั้นนอกของคุณอย่างร้ายแรงที่สุด เป็นตัวการในการทำลายผิวและสร้างริ้วรอยได้รวดเร็ว ให้ใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูงจะช่วยรับประกันการปกป้องที่ดีและป้องกันการเป็นมะเร็งผิวหนัง
6. การออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นวิธีที่ดีในการเติมออกซิเจนให้ผิว และยังช่วยขับสารพิษออกจากเหงื่อที่ไหลออกจากร่างกายขณะที่ออกกำลัง
7. เลิกดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ ทั้งสองสิ่งนี้จะเข้าไปทำให้การทำงานของสารบางอย่างหยุดทำงานลง และทำลายการหลั่งสารที่ช่วยสร้างความชุ่มชื้นทางธรรมชาติให้หยุดชะงักลง ทำให้รูขุมขนอุดตันง่ายและทำให้ผิวดูหมองคล้ำ
8. รับสารต้านอนุมูลอิสระให้ได้มาที่สุด วิธีที่ง่ายที่สุดคือการพยายามที่จะกินอาหารที่มีวิตามินA, วิตามินB, CและE ที่ส่วนใหญ่จะอยู่ในประเภทผักผลไม้ เช่น บลูเบอร์รี่ วอลนัท ลูกพรุน องุ่นดำ และผักใบเขียว สำหรับการรับเข้าสู่ภายใน สำหรับภายนอกสารต้านอนุมูลอิสระที่เห็นผลได้ดีมาก ๆ ซึ่งสามารถนำไปใช้กับผิว เช่น น้ำมันทับทิมน้ำมันโจโจบาและเชียบัตเตอร์
9. การนอนก็สำคัญสำหรับผิวเช่นกัน หากมีสิ่งใดมาขัดจังหวะการนอนหลับของคุณระหว่างชั่วโมงเหล่านั้น ฮอร์โมนคอร์ติซอลจะถูกสร้างขึ้น ซึ่งทำลายเส้นใยคอลลาเจนและทำให้ร่างกายเครียด จำนวนที่เหมาะสมอยู่ที่ 7-8 ชั่วโมง
หากคุณต้องการหลีกเลี่ยงการเกิดริ้วรอยจากการนอน ให้ลองนอนหงาย ใช้ ปลอกหมอนผ้าไหมก็ช่วยได้เช่นกัน ปลอกหมอนเหล่านี้ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อดูแลผิวหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงริ้วรอยขณะนอนหลับ
10. การเลี่ยงน้ำตาลหรือการตัดน้ำตาลออกจากมื้ออาหาร เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดGlycationที่เป็นกระบวนการที่โมเลกุลน้ำตาลจับกับโปรตีน หรือคอลลาเจน ในร่างกายและจบลงด้วยการสร้างโมเลกุลใหม่ที่กล่าวกันว่าไม่เพียงแค่เป็นอันตรายต่อร่างกายยังเป็นอันตรายต่อผิวด้วย
น้ำตาลสามารถพบได้ในอาหารและเครื่องดื่มหลายประเภท ดังนั้นอย่าลืมตรวจสอบฉลากสำหรับปริมาณน้ำตาล น้ำตาลที่ซ่อนอยู่ คุณจะพบในไวน์ อาหารแปรรูป ซอส ขนมปัง ซีเรียล ซุป น้ำผลไม้ และเครื่องดื่มมากมาย
แม้ว่าคำแนะนำเหล่านี้มักจะช่วยป้องกันสัญญาณบ่งบอกถึงอายุของผิวในขั้นต้น แต่ก็ไม่น่าจะหลีกเลี่ยงริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นได้โดยสิ้นเชิง ดังนั้น ใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวต่อต้านริ้วรอยคุณภาพสูงซึ่งรวมส่วนผสมที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ผล โดยเฉพาะที่มีส่วนผสมของเรตินอล กรดอัลฟาไฮดรอกซี และวิตามินซี