Strong Woman คำที่แปลได้อย่างลงตัว “ผู้หญิงเข้มแข็ง” แต่รู้ไหมว่ากว่าที่พวกเธอเหล่านี้จะก้าวผ่านความอ่อนแอทั้งหลายมาได้มันยากเย็นขนาดไหน ความอ่อนแอคือเชื้อโรคร้ายที่ทำลายล้างชีวิตของผู้หญิงเราได้อย่างง่าย ๆ และความอ่อนแอก็มักจะมาพร้อมกับปัญหาทุกรูปแบบ
สำหรับบทความนี้ เราต้องการแบ่งปันการเปลี่ยนตัวเองจากความอ่อนแอสู่ความสตรองด้วยการผลักดันตัวเราเองด้วยคำพูดที่ควรใช้พูดกับตัวเอง หรือการสร้างแรงบันดาลใจจากบทความดี ๆ เพื่อให้การใช้ชีวิตให้ง่ายขึ้นในสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายสำหรับผู้หญิงในยุคนี้ คำพูดบางประโยคสามารถดึงความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับมาเพิ่มพลังให้กับการกลับเข้าสู่โหมดการเป็นผู้หญิงสตรองได้อย่างง่าย ๆ อีกครั้ง
วิธีสร้างแรงผลักดันที่จะบอกเล่ากันต่อไปนี้ จะเป็นส่วนด่านแรกที่เหล่าผู้หญิงทั้งหลายต้องทำก่อนในเบื้อต้นเพื่อให้เข้าสู่ความครบสมบูรณ์ในด่านที่สองที่ต้องติดตามกันต่อไป แต่ตอนนี้เรามาดูกันก่อนเลยว่าคำพูดน้ำหนักดีที่สามารถสร้างแรงผลักดันให้กับผู้หญิงเราเปลี่ยนมาเป็นผู้หญิงสตรองต้องทำอย่างไรบ้าง เริ่มจากคำพูด 5 ข้อสำหรับตัวเองกันก่อนเป็นอันดับแรก
5 คำพูดเกี่ยวกับแนวคิดดี ๆ เพื่อสร้างให้ตัวเองมีพลัง
1. ฉันรู้สึกภูมิใจกับผู้หญิงคนนี้ เพราะฉันสามารถผ่านเรื่องเลวร้ายได้จนกลายมาเป็นเธอ
I’m pround because I becoming her วันที่เราได้มายืนตรงจุดที่ผ่านทุกอย่างมาแล้ว นั่นก็แปลว่าเรามีความสตรองที่มากพอควร แต่ลองมามองดูกันว่าก่อนที่จะมาเป็นเธอคนนั้นในวันนี้ อะไรที่ทำให้เราอ่อนแอ
แน่นอนเลยสำหรับปัญหาระดับต้น ๆ ของการนำไปสู่ความอ่อนแอ นั่นก็คือ การถูกปฏิเสธความรัก การถูกลดคุณค่าด้วยแต่เพียงคำว่าผู้หญิง หรือแม้กระทั่งการต่อสู้กับปัญหาที่มาจากความเห็นแก่ตัวของคนรอบข้าง ทุกสิ่งที่กล่าวมาเหล่านี้จะบั่นทอนความรู้สึกมั่นใจในตัวเองให้หายไป
ลองใหม่ ให้ In put ความมั่นใจใส่ลงไปในความรู้สึกของเรา ความรู้สึกที่ว่าไม่ว่าอะไรก็ตามเมื่อไหร่ที่เราได้พยายามจะแก้มันจนสุดความสามารถแล้วไม่เป็นผล ให้ใช้ความนิ่งและสติและบอกกับตัวเองว่า “ไม่มีอะไรที่จะไม่มีทางดีขึ้น ทุกอย่างจะดีขึ้นเมื่อถึงเวลาของมัน และไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ จงอดทนและเผชิญหน้ากับทุกอย่าง แล้วเราจะชนะ” พูดแบบนี้ในทุกเวลาที่เรารู้สึกต้องต่อสู้กับอะไรสักอย่าง แล้วเราจะรู้สึกว่าเราไม่กลัว
2. ฉันให้อภัยตัวเองและให้อิสระกับตัวเอง
I forgive myself and set myself free รู้สึกผิดตลอดเวลาก็ไม่มีอะไรที่จะช่วยให้ชีวิตดีขึ้นจริงมั้ย การให้อภัยตัวเองเป็นสิ่งที่สำคัญมาที่สุดในการสร้างสุขภาพจิตที่ดี จิตใจที่ดีให้กับตัวเอง แน่นอนว่าเราเคยมีสิ่งที่เสียใจมาก ๆ ในชีวิต แต่มันจะมีประโยชน์อะไรกับการที่เราจะจมอยู่กับอดีตที่ฝังเอาความผิดพลาดที่เราเคยทำไว้ในความรู้สึกของเราตลอดเวลา มันย้อนกลับไปแก้ไม่ได้แน่นอน หยุดคาดโทษตัวเอง และเริ่มต้นด้วยการไม่ทำมันพลาดอีก
การทำผิดพลาดของคนเรา ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเราแก้ไขมันจะสำเร็จในครั้งแรก มันอาจจะต้องใช้เวลาสองถึงสามครั้ง แต่สุดท้ายการแก้ไขก็สำเร็จ ลองปล่อยให้ตัวเองเป็นอิสระจากความผิดพลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้นหรือที่เราได้ทำมา ด้วยการให้อภัยตัวเองในเรื่องของความคิดในเชิงลบ เพราะความคิดแย่ ๆ เหล่านี้ไม่ได้บ่งบอกว่าคุณเป็นคนแบบนั้น อย่าตอกย้ำตัวเองด้วยการคิดว่าเราแย่ มันเป็นเพียงแค่ความนึกคิด มันไม่มีตัวตน และความรู้สึกแย่จะไม่อยู่กับคุณไปตลอดชีวิตแน่นอน
3. สิ่งที่ฉันกำลังคิด และความรู้สึกมันไม่ใช่ตัวฉันทั้งหมด ฉันยืนอยู่เหนือทุกความคิดเชิงลบ
รู้ไหมว่าบางเวลาเรามัวแต่คิดถึงความคิดลบ ๆ มากเกินไปอาจทำให้คุณพลาดโอกาสดี ๆ นับพัน ๆ ครั้งได้ เพราะความคิดบางอย่างที่เป็นความคิดเชิงบวกถูกละเลย แต่เรามักจะมองไม่เห็นคุณค่ากับความคิดเชิงบวกในเวลานั้นเพราะความคิดลบมันกินพื้นที่ทางความคิดของเราไปหมด
ให้จำไว้เลยว่า ความคิดทุกอย่างที่อยากจะให้เป็นจะเป็นจริงขึ้นมาได้ก็คือการปล่อยให้มันผ่านไปด้วยการหยุดการให้ความสำคัญกับความคิดในเชิงลบ หรือการหมกมุ่นอยู่กับความผิดพลาดหรือความกังวลใจ ความรู้สึกข้างในมันไม่ได้บอกความเป็นตัวเรา ดังนั้นไม่จำเป็นต้องใส่ใจกับความรู้สึกคิดลบเหล่านี้
4. ฉันไม่จำเป็นต้องขอโทษใครในสิ่งที่ฉันเป็น
ชัดเจนมากกับประโยคนี้ เพราะการที่เราถูกคนบางคนปฏิเสธหรือไม่ยอมรับในตัวเรา ไม่ใช่เพราะเราโง่หรือฉลาดไม่พอ มันเป็นปัญหาทางทัศนคติแย่ ๆ ของคนเหล่านั้นต่างหากไม่เกี่ยวกับเราเลยสักนิด
การที่เราต้องเปลี่ยนตัวเองจนขาดความเป็นตัวของตัวเองนั่นแหละเป็นความน่ารังเกียจที่สุด เพราะมันทำให้เห็นว่าเราไม่สนใจในตัวเอง ยอมเปลี่ยนเพื่อทุกอย่างรอบตัว โลเล ไม่มั่นคง เมื่อไหร่ที่พฤติกรรมของเราเป็นแบบนี้ นั่นหมายความว่าเราจะหมดทุกอย่างแม้กระทั่งความน่าเชื่อถือ
ต่อให้วันนี้คุณเปลี่ยนตัวเองไปมากแค่ไหนก็ยังมีบางด้านของเราที่มีคนไม่ชอบเสมอ ดังนั้นไม่จำเป็นที่จะเปลี่ยนตัวเอง ให้กลับมาภูมิในในตัวเองและขอบคุณตัวเองให้มาก ๆ เสน่ห์ของผู้หญิงสตรองอยู่ตรงนี้รู้ไหม
5. ไม่จำเป็นต้องมีทุกอย่างเพื่อการยอมรับ แต่แค่ฉันต้องมีความมั่นใจและเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น
การเข้าใจชีวิตเป็นสิ่งที่เราควรจะทำเพื่อการทำอย่างอื่นต่อไป ชีวิตเราของเราเข้าใจมันได้ไม่ยากในบางเวลาที่เรารู้สึกว่าชีวิตเรามีความสุขอย่างล้นเหลือนั่นคือเวลาที่เราเข้าไปนั่งทำความเข้าใจกับชีวิตได้ชัดเจนที่สุด แต่ก็มีบางเวลาที่เรารู้สึกว่าทำไมเราไม่เข้าใจตัวเราในเวลานี้ว่าเราต้องการอะไรกันแน่ นั่นแปลว่าเราอยู่ในช่วงเวลาที่ขาดความเชื่อมันอย่างรุนแรง
ในชีวิตของผู้หญิงเรา บางคนอาจคิดว่าการที่เราได้มีทุกอย่างที่เราอยากจะมีนั่นคือความสุข แต่มันไม่ใช่ทั้งหมด เพราะความอยากมีมันทำให้เราต้องดิ้นรน ไหนหล่ะความสุขที่เราบอกมาข้างต้น มันเป็นสิ่งที่เราเข้าใจผิด
ลองเปลี่ยนความคิดดูใหม่ ในวันที่เราไม่มีครบทุกอย่างหรือไม่สำเร็จตามเป้าหมาย ลองอยู่กับสิ่งนั้นที่เรามีด้วยความมั่นใจและมีความสุขกับสิ่งที่เรามี เช่น หากวันหนึ่งเราต้องลดระดับการใช้ชีวิตให้เบสิคลงจากที่เคยมีชีวิตที่หรูหรา มันก็ไม่แปลว่าเราล้มเหลวแต่ให้มองว่าในสิ่งที่เรามีเหลืออยู่มันคือสิ่งที่เราจะต้องเดินไปกับมัน ให้เพิ่มความเชื่อมั่นว่าเราสามารถจะรักษาสิ่งที่มี และดูแลมันไว้เป็นอย่างดีเพราะสิ่งนี้คือความสุขของเรา
7 วิธีสร้างแรงบันดาลใจเพื่อเป็นพลังการผลักดันเพื่อความสตรอง
1. ให้บาดแผลเป็นเครื่องแต่งกายที่น่าทึ่ง เพื่อเตือนเราเสมอทุกครั้งที่เรามองมัน
บาดแผลมักมาคู่กับความเจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นการเจ็บปวดทางร่างกายภายนอก หรือการสร้างความเจ็บปวดจากภายใน บาดแผลพวกนี้มักเป็นแรงผลักและเป็นความทรงจำไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี
ถ้ามองภาพภายนอก แผลเป็นบนเรือนร่างของผู้หญิงมักเป็นสิ่งที่ไม่น่าพึงพอใจนักกับการมองเห็น แน่นอนว่ามันไม่น่ามองมันทำให้ร่างกายดูมีตำหนิ แต่สาว ๆ จ๋าอยากบอกไว้ว่าอย่าพยายามลบรอยเหล่านี้ออกไป จงอยู่กับมันให้ได้ เพราะรอยแผลแต่ละแผลจะเป็นเครื่องเตือนใจและเป็นความภูมิใจอย่างที่สุดว่าเราได้ผ่านช่วงเวลาที่เป็นนรกสำหรับเรามาได้อย่างยอดเยี่ยม แผลเป็นมันทำให้เราได้มีชีวิตอยู่ แต่ไม่ได้อยู่ต่อเพื่อลบมันออก แต่อยู่ต่อเพื่อใช้มันให้เป็นการเริ่มต้นการใช้ชีวิตใหม่ที่ดีกว่าต่างหาก
แผลเป็นยิ่งใหญ่ถ้ามันไม่ได้คร่าเอาชีวิตเราไป ก็แสดงว่ามันไม่ได้มาเพื่อทำลายความสวยของเรา มันมาเพื่อบอกให้เราได้รู้ว่าเราเก่งขนาดไหน คำว่ารอดตายเพื่อการมีชีวิตอยู่มันคูล เพราะเมื่อไหร่ที่เรามีภาพเตือนและภาพจำมันจะเป็นสิ่งที่ดูเซ็กซี่และแอบดึงดูดเป็นเสน่ห์ของผู้หญิงในมุมเล็ก ๆ ด้วยนะ
2. จงเข้มแข็งพอที่จะยืนอยู่คนเดียว และให้ฉลาดพอที่จะรู้ว่าเราต้องการความช่วยเหลือเมื่อใด และต้องมีความกล้ามากพอที่จะส่งการขอความช่วยเหลือออกไป
การยืนอยู่คนเดียวแน่นอนคือว่าเราเก่งกาจ สตรอง และกล้าแกร่ง ผู้หญิงที่เก่งและอยู่คนเดียวได้แน่นอนว่าเธอต้องกล้าพอตัวทีเดียว แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าการที่ยืนคนเดียวไม่ต้องการความช่วยเหลือในบางเวลา ในบางครั้งผู้หญิงบางคนอาจคิดไปว่าการขอความช่วยเหลือเป็นการลดคุณค่าของตัวเอง โอเคว่าจริงอยู่การยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองหรือคนเดียวมันดูเป็นความมีเกียรติ ดูสตรอง ดูมั่นใจ
ปรับความคิดเสียใหม่ อย่ายืนในท่าทีที่แข็งจนเกินไป เราไม่สามารถทำอะไรได้ด้วยสองมือเราทั้งหมด ความช่วยเหลือสำคัญมาก และการขอความช่วยเหลืออย่างชาญฉลาดมันจะยิ่งทำให้เราแข็งแรงขึ้น
3. ผู้หญิงก็เหมือนถุงชา เราจะไม่รู้เลยว่าผู้หญิงคนนี้สตรองแค่ไหน จนกว่าคุณจะใส่ถุงชาลงไปในแก้วน้ำร้อน
ผู้หญิงมีความลึกลับและซ่อนความรู้สึกเก่ง ไม่มีใครสามารถอ่านผู้หญิงได้ขาดจากภาพภายนอกหากพวกเธอเหล่านั้นไม่แสดงอาการใด ๆ ออกมาให้คุณได้เห็น พวกเธอเจ๋งไหมหล่ะ
วิธีเดียวที่จะสร้างความเข้มแข็งคือการเผชิญหน้ากับทุกความท้าทายและจงอย่ากลัว เราไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ใด ๆ ได้ทั้งหมด และเราก็ไม่ได้อยู่กับทุกสถานการณ์ได้เสมอให้เราใช้สติปัญญาและความตั้งใจอย่างหนักของเราทำให้มันผ่านไปให้ได้ และเมื่อไหร่ที่เราผ่านมันไปได้ ความเข้มแข็งตัวนี้แหละจะสร้างเกราะให้เรามากขึ้น แต่อย่าปล่อยให้การกระทำหรือความล้มเหลวในอดีตมากำหนดตัวเรา แต่จงใช้ความกล้าหาญและความมุ่งมั่นในตัวของเราเอง และที่สำคัญความเชื่อและเชื่อมั่นในพลังของตัวเราจะเป็นตัวผลัดดันและนำเราไปสู่ความสำเร็จ โดยที่ไม่มีใครเห็นถึงความอ่อนแอของเราเลยแม้แต่น้อย
ทำตัวมีความลับให้เหมือนถุงชา ให้ทุกคนได้เห็นพลังความเข้มแข็งแรงแข็งแกร่งของเราในสถานการณ์ที่เหมาะสม เพราะถึงเวลานั้น ความเข้มของสีขามันจะบอกได้ว่าเราเข้มแข็งเพียงใด
4. อย่าให้เสียงฟ้าร้องทำให้เรา down เพราะหลังเสียงฟ้าร้องมักมีแสงสว่างเสมอ
เมื่อให้เสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าเปรียบเหมือนปัญหาที่ผู้หญิงต้องเผชิญหน้า ปัญหาที่เหมือนฟ้าร้องหรือปัญหาที่ไม่สาหัสเท่าไหร่นัก แต่ปัญหาที่เป็นเหมือนฟ้าผ่าลงมา บ่อยครั้งที่ใหญ่จนแทบตายเลยก็มี แต่เมื่อไหร่ที่เรามีความแข็งแกร่งมากพอไม่ว่าจะเป็นฟ้าร้องให้รำคาญ หรือฟ้าผ่าดูน่ากลัว ก็ไม่สามารถจะกระทบใจเราได้เลย
ให้รอคอยแสงสว่างอย่างกล้าหาญ นั่นหมายถึงว่า เมื่อชีวิตมีพายุหรือความท้าทายเล็กน้อย จงอดทนและฝ่าฟันมันออกไป แสงแดดมักจะอยู่ตรงหัวมุม ดวงตะวันจะส่องแสงเจิดจ้ากว่าที่เรากลัวเสมอ
5. อย่าเข้าใจผิดว่าความเงียบของเธอคือความอ่อนแอ จำไว้ว่าบางครั้งอากาศก็หยุดนิ่งก่อนพายุเฮอริเคนจะเริ่มต้นขึ้น
รู้กันอยู่บ้างแล้วว่าลักษณะที่พิเศษของผู้หญิงอย่างหนึ่งที่ผู้ชายอกสามศอกบางครั้งยังสู้พวกเธอไม่ได้ นั่นคือความเงียบที่ไม่สามารถอ่านความรู้สึกหรือความคิดของพวกเธอได้เลย
ให้เราลองเก็บทุกความรู้สึกให้อยู่ในความเงียบต่อให้มันจุกอกแทบระเบิดก็ตาม เพราะความลึกลับฆ่าคนได้ และความโวยวายก็หันกลับมาหักหลังผู้หญิงอย่างเราได้เช่นกัน ความฉลาดที่ผู้หญิงอย่างเราต้องเลือกทำนั่นก็คือความเงียบ
จงจำไว้ว่าเราไม่จำเป็นต้องอวดหรือบอกทุกคนเกี่ยวกับความท้าทายหรือความสำเร็จของเรา การนิ่งเงียบไม่ใช่สัญญาณของความอ่อนแอ และความจริงคือ ผู้หญิงจะมีอำนาจที่สุดตลอดกาลกับความสามารถในการเงียบ ฟัง และตอบสนองเป็นเหมือนเฮอริเคนเมื่อผู้หญิงเหล่านี้เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องทำให้บางคนได้เห็นถึงความแข็งแกร่งของพวกเธอ อย่าเสี่ยงด้วยการอ่านพวกเธอแค่ผิวเผิน
6. คุณต้องเรียนรู้ที่จะลุกขึ้น และเดินออกจากโต๊ะตัวเดิมที่ไม่มีความรักอีกต่อไป
ขึ้นชื่อว่าความรักแน่นอนว่าเป็นสิ่งที่มีค่าเหมาะที่จะต่อสู้เพื่อมันเสมอ แต่ความรักก็ไม่ได้อยู่กับเราตลอดไป อย่าสั่งให้หัวใจของเราพังลงเมื่อรู้ว่าเราจะไม่มีความรักอีกต่อไป ที่สำคัญกว่าคือการได้รู้ว่าเมื่อไหร่ควรจะยอมแพ้หรือเดินจากไป
บางครั้งการเลิกรักครั้งเดียวไม่ได้ทำให้เราต้องล็อคชีวิตขังตัวเองไว้นานเกินไป ลองเปิดประตูให้รักใหม่เข้ามาในชีวิตเรา อย่าอยู่กับใครด้วยเหตุผลที่ผิด จงมีพลังและความกล้าหาญที่จะยืนหยัดเพื่อตัวเราเองและอย่ากลัวการเปลี่ยนแปลง
7. หากคุณดำเนินชีวิตด้วยคำชมของผู้ชาย คุณจะตายจากการวิจารณ์ของเขา
เข้าใจกันง่าย ๆ ก็คือเมื่อไหร่ที่เราแขวนชีวิตของเราไว้กับความพึงพอใจของผู้ชาย บอกเลยว่าเป็นความผิดพลาดอย่างให้อภัยไม่ได้ ชีวิตของเรา ร่างกายของเรา ความรู้สึกของเรา อย่ายกให้กับใครโดยเฉพาะผู้ชาย
เราไม่จำเป็นต้องตรวจสอบคุณค่าของตัวเราเองผ่านสายตาของใครก็ตาม สิ่งที่คนอื่นคิดเกี่ยวกับเราคือพวกเขาคิดว่าเราเป็นของเขา จงอย่าปล่อยให้ความครอบงำเหล่านั้นมาเป็นตัวกำหนดว่าเราเป็นใคร อย่าหลงคำชมเชยปลอม ๆ และอย่าเชื่อคำวิจารณ์อย่างจริงจังมากเกินไป อย่าเอาการวิเคราะห์ไร้สาระเหล่านี้มีบทบาทในชีวิตเรามากเกินไปเพราะสิ่งเหล่านี้มันเป็นเพียงการรับรู้ของคนอื่นเกี่ยวกับเรา เราคือคนที่รู้จักตัวเรามาที่สุด คำชมและคำวิจารณ์ของตัวเราเองต่างหากที่มีค่ามากกว่าคำชมของคนอื่น
หวังว่าคำพูดจากพลังของผู้หญิงที่แข็งแกร่งเหล่านี้จะสามารถเป็นแรงบันดาลใจให้คุณในวันนี้ และจงอย่าลืมพอใจกับชีวิตของคุณในตอนนี้ ไม่จำเป็นที่ต้องเป็นตัวเองเพื่อคนอื่น หากคุณได้ลองทำตามรับรองว่าคุณจะรู้สึกขอบคุณมากขึ้นสำหรับสิ่งที่คุณมีอยู่ และขอบคุณความเข้มแข็ง แข็งแกร่งที่คุณมี และชีวิตที่มีค่าขึ้นไปจากเดิม