6 ประโยชน์กินโยเกิร์ตก่อนนอน

6 ประโยชน์กินโยเกิร์ตก่อนนอน

อย่างที่ทราบกันดีว่า โยเกิร์ต นั้นมีประโยชน์กับร่างกายอย่างมาก เพราะในโยเกิร์ตอุดมไปด้วยโปรตีน และยังช่วยในเรื่อบของระบบขับถ่ายอีกด้วย รวมถึงเป็นเมนูลดน้ำหนักยอดฮิตและทานง่ายสำหรับใครที่อยู่ในช่วงไดเอทเหมาะทีเดียว แต่รู้หรือไม่ว่าการกินโยเกิร์ตก่อนนอนนั้นก็มีประโยชน์เช่นกัน ถ้าไม่เชื่อลองมาดูกันว่า 6 ประโยชน์กินโยเกิร์ตก่อนนอน มีอะไรบ้าง 1. กินโยเกิร์ตก่อนนอนช่วยให้หลับง่าย สาวๆ คนไหนที่มีปัญหาเรื่องการนอนหลับยาก ควรจะซื้อโยเกิร์ตติดตู้เย็นไว้เป็นประจำจะดีมาก เพราะโยเกิร์ตมีส่วนผสมของนมอยู่ด้วย เลยมีสารทริปโตเฟนกรดอะมนที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดการง่วงนอน และเจ้าทริปโตเฟนยังช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเซโรโทนิน ฮอโมนที่ช่วยทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และสามารถทำให้หลับง่ายขึ้นกว่าเดิมด้วย  2. กระตุ้นการขับถ่ายด้วยการกินโยเกิร์ตก่อนนอน เพราะในโยเกิร์ตมีโพไบโอติกส์ที่ดีต่อลำไล้และระบบย่อยอาหาร ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย นอกจากนี้โพไบโอติกส์ยังช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ส่งผลให้สุขภาพโดยรวมของร่างกายดีขึ้น  โดยเฉพาะเวลาที่เรากินโยเกิร์ตตอนเช้าและก่อนนอน จุลลินทรีย์ชนิดดีและโพไบโอติกส์จะเข้าไปจัดระเบียบสิ่งมีชีวิตเล็กๆ ภายในกระเพาะอาหารและลำไส้ เลยทำให้ตื่นเช้ามาจะขับถ่ายได้คล่องตัวและง่ายขึ้นด้วย 3. ดีท็อกซ์ร่างกายด้วยการกินโยเกิร์ตก่อนนอน นอกจากโยเกิร์ตจะช่วยทำให้ระบบขับถ่ายของสาวๆ ดีขึ้นแล้ว ก็เท่ากับเป็นการดีทอกซ์ลำไส้ไปในตัวอีกด้วย ที่สำคัญยังส่งผลดีต่อการดูดซึมอาหาร ยิ่งคนที่มีพุงน้อยๆ และรู้สึกอึดอัดท้อง ขับถ่ายยาก การได้รับโพไบโอติกส์จากการกินโยเกิร์ตเป็นประจำ ก็จะช่วยปรับสมดุลระบบการย่อยอาหารและระบบขับถ่าย ไม่ว่าพุงจะป่องหรืออึดอัดแค่ไหน แค่ลองกินโยเกิร์ตก่อนนอนติดต่อกันอย่างน้อย 1 สัปดาห์ รับรองพุงหายอย่างแน่นอน  4. กินโยเกิร์ตก่อนนอนช่วยเรื่องควบคุมน้ำหนัก บางคนอาจจะเกิดอาการหิวในช่วงดึกๆ ก็จะซัดทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่ถ้าเราลองเปลี่ยนพวกขนมจุกจิกมาเป็นโยเกิร์ตกินเวลาหิว ก็จะช่วยเรื่องการควบคุมน้ำหนักได้เช่นกัน เพราะในโยเกิร์ตอุดมไปด้วยโปรตีน จึงทำให้ร่างกายรู้สึกอิ่มท้องได้นาน  […]

5 กฎเหล็กลดน้ำหนักได้อย่างถาวร

5 กฎเหล็กลดน้ำหนักได้อย่างถาวร

ว่าด้วยเรื่องการลดน้ำหนัก สาวๆ หลายคนคงกระหายที่จะรู้เรื่องนี้ หรือบางคนทฤษฎีปึ้กแต่ปฏิบัติเป็นศูนย์ก็มีเหมือนกัน ส่วนใครที่อยากลดน้ำหนักให้แบบแน่นอนและปลอดภัย ชนิดที่ว่าสวยนานสวยจริง ฟังทางนี้ กับ 5 กฎเหล็กลดน้ำหนักได้อย่างถาวร รับรองสวยทันซัมเมอร์ชัวร์! 1. ถ้าอยากลดน้ำหนักต้องตัดของหวาน เรื่องนี้หลายคนรู้หมดแต่อดไม่ได้ซะมากกว่า แต่ถ้าคุณเป็นคนที่มุ่งมั่นอยากมีรูปร่างที่เพรียว ไม่มีส่วนเกินทั้งหน้าท้อง ต้อนแขนล่ะก็ ต้องแข็งใจลดของหวานอย่างเด็ดขาด ยิ่งเครื่องดื่มยอดนิยมอย่างชานมไข่มุกนี่ตัวอันตรายเลยทีเดียว ทำให้น้ำหนักตัวพุ่งแบบไม่รู้ตัวมาแล้ว ของหวานที่ว่านี้รวมถึงผลไม้ที่มีรสหวานด้วยเช่นกัน งงล่ะซิ เพราะผลไม้ที่มีรสหวานจัดอย่าง มะม่วงสุก, ทุเรียน, ลิ้นจี่, ลำไย พวกนี้น้ำตาลสูง ควรเลี่ยง รวมถึงน้ำผลไม้ที่มีรสหวานก็ไม่ควรดื่ม เพราะหากร่างกายได้รับน้ำตาลเข้าไปแล้วใช้ไม่หมด ก็เปลี่ยนน้ำตาลเป็นไขมันสะสมในร่างกายได้เช่นเดียวกัน 2. การลดแป้งถือเป็นการลดน้ำหนักที่ดี ที่บอกแบบนี้ไม่ได้หมายความว่าคุณสาวๆ ต้องโบกมือลาอะไรที่เป็นแป้งซะหมด ลดก็คือลด ด้วยการกินแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตในปริมาณที่พอดีพอเหมาะมากกว่า  เพราะถ้าอย่างเราซัดข้าวเข้าไปสัก 2 จานแล้วล่ะก็ ร่างกายไม่สามารถนำไปใช้ได้อย่างทันท่วงที ก็จะเกิดการสะสมในร่างกายได้เหมือนกัน หรือใครอยากจะเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน จากเดิมที่เคยกินแต่ข้าวขาว ก็หันมากินข้าวกล้อง, ข้าวซ้อมมือ หรือข้าวไรซเบอรี่ และอาจจะลดปริมาณเหลือแค่มื้อละ 1 ทัพพีก็กำลังเหมาะ รวมถึงเปลี่ยนขนมปังขาวมาเป็นขนมปังโฮลวีท,  ขนมปังมัลติเกรน ก็เป็นทางเลือกในการลดน้ำหนักที่ดีเช่นกัน  3. […]

สดชื่นรับเช้าวันใหม่กับ 5 เครื่องดื่ม

สดชื่นรับเช้าวันใหม่กับ 5 เครื่องดื่ม

สาวคนไหนอยากจะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมยามเช้า ที่ตื่นมาแล้วต้องพุ่งเข้าหากาแฟเป็นสิ่งแรก แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออกว่าจะดื่มอะไรทดแทนดี วันนี้ลองมาดูกันมา 5 เครื่องดื่มที่ช่วยเพิ่มความสดใสยามเช้า ที่ทำให้เปลี่ยนคุณเป็นคนใหม่ที่เฟรซกว่าเก่า 1. น้ำเปล่า เครื่องดื่มที่ช่วยเพิ่มความสดใส ถือว่า น้ำเปล่า เป็นอย่างแรกที่สาวๆ ต้องดื่มหลังจากที่ลืมตาตื่นนอน ก่อนที่จะหยิบโทรศัพท์มาท่องโลกโซเชียลนะจ๊ะ เพราะน้ำเปล่านั้นจะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวของคุณ หลังจากที่นอนอยู่ในห้องแอร์มาทั้งคืน  รวมถึงช่วยกระตุ้นการเผาผลาญของคุณให้ทำงานได้อย่างเต็มที่อีกด้วย และยังเป็นการช่วยในเรื่องการขับถ่ายสำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องท้องผูกล่ะก็ ลองตื่นมาปุ๊บดื่มน้ำเปล่าแก้วใหญ่ๆ สักแก้วก่อนแปรงฟันให้เป็นนิสัย รับรองระบบขับถ่ายดีแน่นอน 2. เครื่องดื่มที่ช่วยเพิ่มความสดใสอย่าง น้ำส้มคั้น ถ้าเป็นไปได้อยากให้สาวๆ ลองเปลี่ยนจากน้ำส้มแบบกล่อง มาเป็นน้ำส้มค้นแบบสดๆ ดื่มในทุกเช้า จะเป็นก่อนทานอาหารเช้า หรือหลังทานอาหารเช้าก็ได้ไม่ผิดกติกา เพราะน้ำส้มนั้นอุดมไปด้วยวิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ แถมยังช่วยต้านมะเร็งได้ดีอีกด้วย นอกจากนี้การดื่มน้ำส้มคั้นสดๆ ในตอนเช้าก็จะเพิ่มความสดชื่น สดใสให้กับเช้าวันใหม่ ทำให้มีแรงทำงานได้ทั้งวัน แถมน้ำส้ม 1 แก้ว หรือขนาด 8 ออนซ์ นั้นแค่ 115 แคลอรี่ เท่านั้น เรียกว่าสดชื่นแถมไม่อ้วนอีกดีจะตาย  3. นมไขมันต่ำ เครื่องดื่มที่ช่วยเพิ่มความสดใส สาวคนไหนที่ชื่นชอบดื่มนมตอนเช้า ต้องบอกว่ามาถูกทางแล้ว แต่ต้องระวังนิดนึงเพราะบางคนดื่มนมแทนอาหารเช้าเลย […]

การลดน้ำหนักแบบคีโต

การลดน้ำหนักแบบคีโต

ใครที่กำลังเผชิญกับสภาวะน้ำหนักเกินจนหน้าปวดหัวอยู่ล่ะก็ ฟังทางนี้ด่วน! หลายคนกำลังเซิร์สหาวิธีการลดน้ำหนัก ว่าลดแบบไหนถึงจะได้ผอมทันทีทันใดแบบที่ไม่ต้องใช้ยาลดความอ้วน ซึ่งหลายคนก็เลือกการลดหุ่นแบบ คีโตเจนิค ไดเอท (Ketogenic Diet) เป็นวิธีที่กินไขมันเพื่อลดไขมัน งงล่ะซิ!`ว่าทำไมกินไขมันถึงเป็นวิธีลดน้ำหนักไปได้ ถ้าอย่างนั้นลองมาดู การลดน้ำหนักแบบคีโต กันดีกว่าว่าคืออะไร คีโตเจนิค ไดเอท (Ketogenic Diet) เป็นการทานอาหารแล้วทำให้ร่างกายมีการสลายไขมัน อย่างเวลาที่เรากินพวก ข้าว, แป้ง, น้ำตาล หรือคาร์โบไฮเดรตที่ต่ำมากๆ สิ่งที่เกิดขึ้น คือ ร่างกายก็จะรู้สึกว่าเราไม่มีน้ำตาลเข้าไป ร่างกายก็จะรู้สึกเหมือนกับว่าเราอดอาหารอยู่ ทำให้ร่างกายไปสลายไขมันที่มีอยู่แล้วทำให้เกิด คีโตน (Ketone) สรุปอาหารคีโต คือ กินอาหารเข้าไปแล้วร่างกายรับรู้ว่าเหมือนเราไม่ได้กินอาหาร แล้วไปสลายไขมันในร่างกายนั่นเอง ถ้าอย่างนั้นลองมาดูสิ่งที่สามารถกินได้กันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง  1. ลดน้ำหนักแบบคีโตต้องไม่ลืมดื่มน้ำเปล่า ถือเป็นสิ่งที่สาวๆ หรือคนที่ต้องการลดน้ำหนัก หรือไม่ต้องการลดน้ำหนักกินแล้วดีด้วยกันทั้งสิ้น แต่ถ้าใครลดน้ำหนักและต้องการผอมไวสิ่งนี้ขาดไม่ได้เลย เพราะน้ำเปล่าจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นการเผาผลาญไขมันได้เป็นอย่างดี แถมยังรักษาความชุ่มชื่นให้แก่ร่างกายอีกด้วย ดังนั้นควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว 2. เนื้อสัตว์ทุกชนิด ลดน้ำหนักแบบคีโตก็สามารถกินได้ หลายคนอาจแปลกใจว่า ทำไมลดน้ำหนักแล้วกินเนื้อสัตว์ได้ ไม่ได้เน้นเฉพาะผัก ปลา เต้าหู้หรืออย่างไร […]

6 เหตุผลที่ต้องทำความสะอาดแปรงแต่งหน้า

6 เหตุผลที่ต้องทำความสะอาดแปรงแต่งหน้า

เรื่องความสะอาดถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับทุกคนเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะสาวๆ บางคนรักความสะอาดมาก ทุกอย่างต้องเนี้ยบ แต่มาตกม้าตายตรงที่อุปกรณ์เสริมสวยนี่แหละที่ละเลยไป หรือเน้นแต่เรื่องความสวยความงามเพียงอย่างเดียว สิ่งสำคัญที่ไม่แพ้การเลือกซื้อเครื่องสำอางก็คือ ความสะอาดของอุปกรณ์ที่ใช้ในการแต่งหน้า โดยเฉพาะแปรงแต่งหน้าที่ถือว่าเป็นสิ่งที่ใช้ทุกวัน ถ้าอย่างนั้นลองมาดูว่า 6 เหตุผลที่ต้องทำความสะอาดแปรงแต่งหน้า กันว่าทำไมเราต้องใส่ใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ 1. เหตุผลที่ต้องทำความสะอาดแปรงแต่งหน้า ก็เพราะหลีกเลี่ยงการปนเปื้อน อย่างแปรงแต่งหน้านั้นเป็นอะไรที่ต้องสัมผัสผิวเราโดยตรง นี่ยังไม่รวมการที่ต้องเติมหน้าระหว่างวัน ที่มีทั้งเหงื่อหรือสิ่งสกปรกอย่างอื่นรวมอยู่ด้วย ที่ทำให้เกิดเชื้อโรคและเกิดการสะสมของแบคทีเรีย และเมื่อนำแปรงแต่งหน้าที่มีสิ่งสกปรกสะสมมาใช้ในการแต่งหน้าเราทุกวันๆ ก็ย่อมส่งผลเสียต่อผิวได้ง่ายอีกด้วย นี่ยังไม่รวมถึงการทำให้เครื่องสำอางสุดแพงของคุณสาวๆ อาจมีอายุการใช้งานที่สั้นลงด้วยเช่นกัน  2. เพิ่มอายุการใช้งาน จึงจำเป็นต้องทำความสะอาดแปรงแต่งหน้า นอกจากจะทำให้ยืดอายุการใช้งานของเครื่องสำอางสุดหวงของคุณสาวๆ แล้ว การหมั่นดูแลและล้างแปรงแต่งหน้าสม่ำเสมอ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้งนั้น จะทำให้ผิวสวยๆ ปลอดภัยจากสิ่งสกปรกและเชื้อแบคทีเรียด้วย รวมถึงยังสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานของขนแปรงมีมากขึ้นด้วยเช่นกัน  3. เหตุผลที่ต้องทำความสะอาดแปรงแต่งหน้า เพราะป้องกันการปะปนเครื่องสำอาง แน่นอนว่าการที่เราใช้แปรงแต่งหน้าแบบที่ปีชาติไม่เคยทำความสะอาด อาจส่งผลกับผิวของคุณผู้หญิงแล้ว ยังส่งผลต่อเครื่องสำอางชนิดที่ต่างๆ ที่ทาลงบนใบหน้าของเราด้วย เพราะจะทำให้เครื่องสำอางหลากหลายชนิดที่เราใช้แปรงจุ่มลงไปนั้น เกิดการปะปนและผสมกันในขนแปรง 4. ลดโอกาสการระคายเคือง จึงจำเป็นต้องทำความสะอาดแปรงแต่งหน้า ขนแปรงแต่งหน้าที่ไม่ผ่านการทำความสะอาดจะทำให้ขนแปรงมีความแห้ง เมื่อสาวๆ นำมาใช้ซ้ำๆ บ่อยๆ โดยไม่ผ่านการทำความสะอาดเลย อาจจะส่งผลทำให้ผิวสวยใส หมองคล้ำลงได้ […]

5 วิธีแก้ปัญหาต้นคอดำ

5 วิธีแก้ปัญหาต้นคอดำ

เรื่องปัญหาผิวบริเวณต้นคอที่ดำนั้น กลายเป็นปัญหาของใครหลายคน โดยส่วนมากจะเกิดจากการเสียดสีไปมาของคนที่มีน้ำหนักตัวมากๆ รวมถึงเกิดจากสาเหตุอื่นๆ เช่น คลาบขี้ไคล แสงแดด จุดด่างดำต่างๆ หรือโรคบางชนิดที่อาจจะทำให้เกิดรอยดำได้ ใครที่อยากจะลาขาดกับเรื่องนี้ลองมาดู 5 วิธีแก้ปัญหาต้นคอดำ กันดีกว่า  1. ลดน้ำหนัก เป็นวิธีแก้ปัญหาคอดำที่ดีอีกหนึ่งวิธี ในเมื่อเรื่องคอดำนี้เกิดจากการเสียดสีของคนที่มีน้ำหนักตัวมากล่ะก็ อย่างนี้คงต้องแก้ที่ต้อนเหตุ คือ การลดน้ำหนัก  เพราะคนที่มีน้ำหนักตัวมากๆ นั้นจะส่งผลทำให้บริเวณต้นคอมีเนื้อมากกว่าปกติ จึงทำให้เกิดการเสียดสีได้ ดังนั้นการที่เราค่อยๆ ลดน้ำหนักอาจจะด้วยการออกกำลังกาย หรือแม้แต่การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ก็ทำให้น้ำหนักตัวลดได้ ก็จะช่วยแก้เรื่องผิวหนังที่เกิดการเสียดสีจนทำให้เกิดรอยดำได้ด้วยเช่นกัน  2. วิธีแก้ปัญหาคอดำอีกอย่าง คือ การหมั่นขัดขี้ไคลทุกครั้งเวลาอาบน้ำ บางคนใช้เวลาในการอาบน้ำไม่ถึง 5 นาที เรียกว่าวิ่งผ่านน้ำก็ได้ แต่สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องคอดำ จงจำและนำไปปฏิบัติ คือ เวลาอาบน้ำทุกครั้งก็ควรหมั่นขัดขี้ไคลตามจุดต่างๆ ของร่ายกาย โดยเฉพาะจุดที่เกิดรอยคล้ำได้ง่ายอย่างบริเวณต้นคอ ใช้ใยบวบหรือฟองน้ำขัดเบาๆ เพื่อเป็นการขจัดคราบเหงื่อและขี้ไคลที่สะสมมาเป็นเวลายาวนานให้หลุดออกไปได้  3. ใช้น้ำมันมะกอก เป็นอีกวิธีหนึ่งในการแก้ปัญหาคอดำ รู้หรือไม่ว่า น้ำมันมะกอกนั้นอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินอี เพียงใช้น้ำมันมะกอกทาบางๆ และนวดเบาๆ บนผิว จะช่วยให้มีผิวชุ่มชื้น ไม่แห้งกร้านเป็นสะเก็ด ดูผิวสุขภาพดี […]

5 สาเหตุที่ทำให้เหนื่อยล้าอ่อนเพลีย

5 สาเหตุที่ทำให้เหนื่อยล้าอ่อนเพลีย

หลายคนอาจมีความรู้สึกว่าทั้งที่เมื่อคืนนอนเต็มอิ่ม ตื่นเช้ามาหรือระหว่างวันกลับรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลียอยู่ตลอด เปลี่ยนอิริยาบทต่างๆ ก็ไม่ทำให้กลับมาสดชื่นได้เลย อาจคิดว่าเพราะงานหนัก หรือความเครียดที่ดูดพลังไปหมด ถ้าอย่างนั้นลองมาเช็คดูกับ 5 สาเหตุที่ทำให้เหนื่อยล้าอ่อนเพลีย ว่าตรงกับข้อไหนบ้าง จะได้ปรับปรุงแก้ไขให้กลับมาเฟรชเหมือนเดิม 1. ไม่ออกกำลังกาย ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เหนื่อยล้าอ่อนเพลียได้ บางคนอาจบอกจะหาเวลานอนยังไม่มี แล้วจะมีเวลาไปออกกำลังกายได้อย่างไร ยิ่งเวลาเหนื่อยยิ่งไม่อยากออกกำลังกายสักเท่าไหร่ แต่รู้หรือไม่ว่ายิ่งเราไม่ออกกำลังกาย ก็ยิ่งทำให้ร่างกาย รวมถึงจิตใจเราไม่สดชื่นได้เหมือนกัน  เรียกว่าเหนื่อยแล้วยิ่งมาออกกำลังกาย ก็ยิ่งไม่สดชื่น และก็จะเหนื่อยในที่สุด เป็นลูปเดิมๆ ที่เราพบเจอกันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน วิธีแก้ง่ายๆ แค่คุณหาเวลาออกกำลังกายแค่ 3 วันต่อสัปดาห์ อย่างน้อยวันละ 20-30 นาที เท่านั้น ก็จะเรียกความสดชื่น สดใสของคุณกลับมาเหมือนเดิมแล้ว แถมยังได้สุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดีตามมาอีกด้วย  2. ละเลยอาหารเช้า ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เหนื่อยล้าอ่อนเพลียได้เหมือนกัน แค่พาตัวเองให้ไม่ตื่นสายแล้วไปทำงานให้ทันก็เป็นบุญแล้ว หลายคนอาจบอกอย่างนั้น เลยทำให้เช้าของวันทำงานของหลายคนเร่งรีบกันตลอดจนลืมที่จะทานอาหารเช้า แล้วพอถึงมือกลางวันก็ซัดโฮกชนิดที่เพื่อนร่วมงานต้องมอง ซึ่งการไม่กินอาหารเช้า นอกจากจะไม่สามารถทำให้น้ำหนักลดแล้ว กลับทำให้อ้วนขึ้นแบบไม่รู้ตัวด้วย ก็เพราะไปทานหนักกับมื้อเที่ยง และมื้อเย็นหลังเลิกงานนั่นแหละ นอกจากนี้อาหารเช้าเป็นพลังงานของร่างกายตลอดทั้งวัน เพราะเราใช้พลังงานไปหมดแล้วในช่วงกลางคืน ตื่นเช้ามาร่างกายก็จะไม่มีพลังงานแล้ว การทานมื้อเช้าถือว่าเป็นการเติมเชื้อเพลิงให้ร่างกายเรากระปรี้กระเปร่า มีแรงในการทำงานและทำกิจกรรมอื่นๆ ต่อไปได้อีกด้วยค่ะ […]

5 หยุดพฤติกรรมทำร้ายผิว

บางคนอาจจะมีคถามว่า ทำไมชั้นก็ดูแลตัวเองอย่างดีแล้ว แต่ผิวหน้ายังดูมีปัญหาอยู่เรื่อย หน้าไม่วีเชฟแต่ก็ไม่อยากพึ่งเข้าคลินิกหาหมอ แต่รู้หรือไม่ว่าเพราะพฤติกรรมบางอย่างของสาวๆ

บางคนอาจจะมีคถามว่า ทำไมชั้นก็ดูแลตัวเองอย่างดีแล้ว แต่ผิวหน้ายังดูมีปัญหาอยู่เรื่อย หน้าไม่วีเชฟแต่ก็ไม่อยากพึ่งเข้าคลินิกหาหมอ แต่รู้หรือไม่ว่าเพราะพฤติกรรมบางอย่างของสาวๆ อาจส่งผลให้ผิวหน้าหย่อนคล้อยไม่กระชับ ถ้าอย่างนั้นลองมาเช็คพฤติกรรมดูกันว่าเข้าข่าย 5 พฤติกรรมทำร้ายผิว บ้างหรือเปล่า  1. เคี้ยวอาหารน้อยเกินไป ก็ถือเป็นพฤติกรรมทำร้ายผิว เคี้ยวอาหารน้อยก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ใบหน้าดูกลมและขาดความกระชับ หลายคนอาจเถียงว่าไม่เห็นจะเกี่ยวเลบ เรื่องเคี้ยวอาหารน่าจะเกี่ยวกับระบบย่อยมากกว่า  แต่รู้หรือไม่ว่าการเวลาที่เคี้ยวกล้ามเนื้อกรามไม่ค่อยได้ใช้งาน จนเกิดไขมันสะสมตามร่องแก้มและคาง เมื่อไม่ได้มีการบริหารกรามบ่อยๆ คางของคุณสาวๆ ก็จะดูหย่อนคล้อย เหมือนกับว่าไม่ได้มีการบริหารกล้ามเนื้อส่วนนี้เท่าไหร่    2. พฤติกรรมทำร้ายผิวกับนิสัยติดเท้าคาง ท่าประจำของสาวหลายคนมักจะเท้าคางและแก้มเป็นประจำ เรียกว่าติดนิสัยกันเลย ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ส่งผลเสียต่อใบหน้าของคุณมากๆ เนื่องจากแรงจากมือที่กดลงบนหน้าจะทำให้จุดศูนย์ถ่วงของหน้าเกิดความเสียหาย ทำให้ใบหน้าของเราดูเอียงไปทางฝั่งใดฝั่งหนึ่ง กระตุ้นให้ไขมันมากองรวมสะสมตามแก้มและคางมากขึ้นด้วย 3. การนั่งหลังค่อมถือเป็นพฤติกรรมทำร้ายผิว สาวคนไหนที่ชอบนั่งหลังค่อมเป็นนิสัย นอกจากจะทำให้เสียบุคลิกภาพแล้ว รู้หรือไม่ว่าการนั่งหลังค่อมเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ใบหน้าของเราดูกลม และหย่อนคล้อย รวมถึงทำให้เกิดคางสองชั้นหรือเหนียงได้ง่าย เพราะพฤติกรรมเหล่านี้จะส่งผลให้ศีรษะและคอเอียงไปข้างหน้า ทำให้การเผาผลาญบริเวณคางของเราแย่ลง จนเกิดเส้นริ้วรอยเล็กๆ ตามคอ และเกิดคางสองชั้นได้ง่าย  4. หลับเป็นเวลานาน ก็ถือเป็นพฤติกรรมทำร้ายผิว พฤติกรรมการนอนหลับที่มากเกินไปก็สามารถส่งผลเสียต่อรูปหน้าของคุณสาวๆ ด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะใครที่ชอบนอนคว่ำหน้า ตะแคงถูไปกับหมอนบ่อยๆ ทำให้ใบหน้าสวยๆ ถูกกดทับ จนเลือดบริเวณใบหน้าหมุนเวียนได้ไม่ดี  และเมื่อหน้าเราถูกกดเป็นประจำนานๆ กล้ามเนื้อบริเวณแก้มก็จะขาดความยืดหยุ่น ทำให้ผิวหน้าขาดความกระชับ […]

เช็ควันหมดอายุเครื่องสำอาง

เช็ควันหมดอายุเครื่องสำอาง

สาวๆ หลายคนคงเป็น คือ การมีเครื่องสำอางเต็มโต๊ะเครื่องแป้ง เรียกว่ามีใช้ตลอดทั้งปีไม่มีขาด แต่บางทีเราอาจจะหลงลืมไปว่า เจ้าเครื่องสำอางนั้นก็มีอายุการใช้งานที่จำกัดของมันเหมือนกัน เพราะบางคนเสียดายแม้ว่าเครื่องสำอางนั้นจะหมดอายุแล้วก็ตาม แต่รู้หรือไม่ว่า เครื่องสำอางหมดอายุ ถ้าใช้ต่อก็อาจทำให้ผิวของเราเกิดปัญหาตามมาได้ ถ้าอย่างนั้นลองมา เช็ควันหมดอายุเครื่องสำอาง ดูกัน เผื่อสาวคนไหนจะปฏิวัติโต๊ะเครื่องแป้งใหม่  1. เช็ควันหมดอายุของลิปสติก ลิปสติกถือได้ว่าเป็นเครื่องสำอางที่สาวๆ มีมากกว่า 1 แท่งอย่างแน่นอน แถมบางคนมีหลายเฉดสี หรือซื้อมาเก็บไว้เผื่อได้ใช้ในวันข้างหน้า ซึ่งลิปสติกที่เปิดใช้แล้วนั้น ก็ควรจะใช้ให้หมดภายใน 2 ปี  แต่ถ้าหากเป็นพวกลิปกลอส, ลิปปาล์ม หรือลิปที่ต้องจุ่มแล้วใช้ เปิดแล้วก็ควรใช้ให้หมดภายใน 1 ปี เท่านั้น แต่ถ้าเป็นลิปสติกที่ยังไม่เปิดใช้ล่ะก็ มีอายุการใช้งานอยู่ได้ยาวนานถึง 3 ปี เลยทีเดียว  2. เช็ควันหมดอายุของอายไลเนอร์ บางคนอาจไม่มีปัญหาเรื่องอายไลเนอร์หมดอายุ เพราะใช้กันเป็นประจำ แต่สำหรับบางคนไม่ได้แต่งหน้าประจำ อายไลเนอร์ ก็เป็นอะไรที่หมดช้ากว่าเพื่อน ฉะนั้นรู้ไว้เลยว่าอายไลนเนอร์ที่เปิดแล้วมีอายุการใช้งานที่สั้นมาก คือ 3-6 เดือน เท่านั้น ส่วนที่ยังไม่ได้เปิดใช้นั้น มีอายุการใช้งานที่ยาวหน่อย คือ 3 […]

เช็คด่วน! 5 วิธีดูแลผิวแบบผิดๆ

เช็คด่วน! 5 วิธีดูแลผิวแบบผิดๆ

การที่สาวๆ ทุกคนหันมาดูแลผิวของตัวเองเป็นเรื่องที่ดี เพราะยิ่งช่วงที่มีค่า PM 2.5 เยอะๆ ด้วยแล้วยิ่งต้องหมั่นดูแลตัวเองให้มากๆ แต่บางครั้งก็เราก็เกิดความเชื่อ และความเข้าใจที่ผิดๆ จนอาจเป็นการทำร้ายผิวโดยไม่รู้ตัวก็ได้ ถ้าอย่างนั้นลองมาเช็คดูกันว่าคุณเข้าข่ายข้อไหนบ้าง กับ 5 วิธีดูแลผิวแบบผิดๆ 1. ดูแลผิวแบบผิดๆ กับการอาบน้ำอุ่น หลายคนอาจบอกว่าหลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน หรือหลังออกกำลังกาย กลับบ้านมาแล้วก็ต้องการพุ่งตัวเข้าไปอาบน้ำทันที และต้องอาบน้ำอุ่นเท่านั้นที่ช่วยทำให้ผ่อนคลาย หายเหนื่อย แต่คุณรู้หรือไม่ว่าการอาบน้ำอุ่น หรือแม้แต่การล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น จะยิ่งทำให้ผิวคุณแห้งเข้าไปอีก บางคนผิวแห้งจนเป็นขุยๆ นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกเกิดจากอะไร สุดท้ายมาลงเอยด้วยพฤติกรรมชอบอาบน้ำอุ่นเป็นประจำนี่เอง ถ้าให้ดีลองเปลี่ยนมาอาบน้ำอุณหภูมิห้องกันดู นอกจากจะทำให้ผิวไม่แห้งแล้ว ยังทำให้รู้สึกสดชื่นอีกด้วย  2. ดูแลผิวแบบผิดๆ กับการสครับผิว แม้ว่าการสครับผิว หรือขัดผิวนั้นเป็นเรื่องที่สาวๆ ต้องทำ เพราะเป็นการกำจัดเซลล์ที่ตายแล้วออกไป แต่สำหรับบางคนสงสัยจะกลับวว่าเซลล์ตายจะมีเยอะ เลยสครับผิวบ่อยกว่า สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง รู้ไหมว่าการสครับผิวบ่อยเกินไปนั้น เท่ากับเป็นการกระตุ้นให้ผิวสวยของคุณนั้นเกิดการระคายเคืองได้  หรือบางคนสครับผิวแบบหนักมือ เรียกว่ามีแรงเท่าไหร่ขัด มีแรงเท่าไหร่ถู นี่ก็เป็นการทำร้ายผิวทางอ้อมด้วยเช่นกัน แถมยังทำให้ผิวอ่อนแอและแพ้ง่ายด้วย เอาเป็นว่าสครับผิวแค่สัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเท่านั้นกำลังสวย  3. ดูแลผิวแบบผิดๆ […]