คำว่า “ชีวิต” สี่ตัวอักษรเล็ก ๆ แต่ความหมายของมันใหญ่คับโลกเลยจริง ๆ เราทุกคนไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ล้วนเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าชีวิตเกิดขึ้นแตกต่างกันและเกิดขึ้นในรูปแบบของมันเองและตามวิถีของมันเอง นั่นคือความงามในชีวิต ถึงแม้ว่ามันอาจจะไม่เกิดขึ้นเหมือนกันไปทั้งหมดกับคนสองคน แต่เราต่างก็พยายามท่องไปในโลกเพื่อค้นหาว่าจุดประสงค์ของชีวิตเราคืออะไร แต่ก่อนที่มันจะหมดลงลองให้คำพูดเหล่านี้เป็นแง่คิดที่เหมาะสมกับการวางแผน หรือต่อสู้กับสิ่งเร้ารอบตัวในชีวิต ที่สำคัญที่สุดให้ลองเป็นบทสะท้อนชีวิตที่คุณเป็นอยู่และให้มีการปรับเปลี่ยนหากจำเป็น
5 แนวคิดที่มีความหมายสะท้อนความจริงเกี่ยวกับการพลังชีวิตให้ดีขึ้นสำหรับผู้หญิง
1. “These mountains that you are carrying, you were only supposed to climb.” ภูเขาที่คุณกำลังแบกมันอยู่ ให้คิดว่าคุณกำลังปีนมัน
เชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องมีสิ่งที่ที่เรียกกันว่า “ภาระ” โดยเฉพาะผู้หญิงอย่างเรา ๆ ทุกอย่างรอบตัวดูเหมือนร้อยละ 80 ในเซลล์สมองสั่งให้รู้สึกว่าเป็นความกังวล ร้อยละ 20 ที่เหลือนั่นคือพื้นที่ของการหาทางออก
ให้ลอง overcomeสิ่งเหล่านี้ด้วยการเปลี่ยนการแบกภาระทุกอย่างหรือแม้กระทั่งภาระทางความคิด ให้เป็นการวางมันลง หรือมองข้ามกับปัญหาที่เล็กน้อยที่สุด เช่น เมื่อไหร่ที่คุณต้องแบกร่างที่เหนื่อยล้า แต่ต้องกลับมาล้างห้องน้ำก่อนอาบน้ำทุกครั้งเพียงเพราะคุณไม่มั่นใจว่าที่รักของคุณทิ้งสิ่งสกปรกไว้หรือเปล่าถึงแม้มันจะดูเล็กน้อย ให้ลองเปลี่ยนการล้างห้องน้ำเพียงเพราะความไม่มั่นใจเป็นมองดูหากทุกอย่างเป็นปรกติ พร้อมกับเดินตรงไปที่เครื่องทำน้ำอุ่นและอาบน้ำด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย เชื่อสิว่ามันจะเป็นการอาบน้ำที่มีความสุขที่สุดจริง ๆ
ให้ทำแบบนี้กับทุกสิ่งที่คุณรู้สึกว่ามันเป็นภาระความกังวลสำหรับคุณ โดยให้เริ่มที่กิจวัตรประจำวันของคุณ เพราะกิจวัตรประจำวันเป็นสิ่งที่ปรับเปลี่ยนได้ง่ายที่สุดตามสถานการณ์ อย่ายึดติดกับสิ่งเหล่านี้ คุณลองนึกตามดูง่าย ๆ เช่นเรื่องสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงได้ทุกวัน จะไม่มีสักวันในฤดูร้อนเลยเหรอที่ฝนจะตก และวันนั้นคุณไม่ได้พกเสื้อกันฝน จริงไหม
2. “Two things prevent us from happiness, living in the past and observing others.” เมื่ออดีตและการเฝ้ามองคนอื่น เป็นสองสิ่งที่กำลังขัดขวางความสุขของคุณ
เหมือนว่ากฎของธรรมชาติสร้างให้ผู้หญิงเรามีความลืมยาก และชอบความเหนือชั้นกว่าคนรอบข้างโดยเฉพาะผู้หญิงด้วยกันเอง ดังนั้น ชีวิตของผู้หญิงเราบางเวลาไม่สามารถที่จะเดินไปข้างหน้าด้วยความราบรื่น เพราะในจิตใต้สำนึกยังคงมีภาพความทรงจำเก่า ๆ หรือความจิตตกกับความรู้สึกด้อยค่ากว่าคนอื่น
ก่อนอื่นเลยให้คุณ Rising up คุณค่าของตัวเองด้วยการหยุดคิดถึงอดีตโดยเฉพาะเรื่องแย่ ๆ ที่สร้างความอับอาย หรือทำรู้สึกผิดตลอดเวลา ไม่ว่าเรื่องเก่าแก่นั้นจะสร้างบาดแผลลึกแค่ไหน ให้ปรับความรู้สึกสู่โหมดของการเป็นคนใหม่ตลอดเวลา ลองขอโทษตัวเองกับสิ่งที่คุณได้ทำและสร้างบาดแผลจนถึงวันนี้ และให้สัญญากับตัวเองให้ได้ว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีก ความอับอายมันจะเกิดเพียง 30 นาทีแรก และทุกคนลืมมันไปหมดแล้ว แล้วทำไมเรายังจำ สำหรับเรื่องที่เคยทำผิดพลาด ให้หันไปมองเพื่อเรียนรู้ว่ามันผิดพลาดได้อย่างไร เอาเข้าสู่กระบวนการแก้ไขเพื่อให้ไม่เกิดซ้ำหรือให้ดีขึ้นกว่าเดิม ไม่มีใครทำไม่ได้เมื่อไหร่ที่คุณเริ่มทำมัน คุณจะรู้สึกเลยว่าทุ่งหญ้าลาเวนเดอร์มันอากาศสดชื่นขนาดไหน
สิ่งต่อมา คือการเฝ้ามองคนอื่น คุณรู้ไหมว่าการเฝ้ามองดูคนอื่นมันเป็นการดูถูกตัวเองอย่างไม่น่าให้อภัย ตัวเราคือตัวเรา และการที่เราต้องการเป็นหรือมีให้เท่ากับคนอื่นให้ได้ แต่บังเอิญว่าสิ่งนั้นมันไม่ได้ตอบโจทย์ให้กับชีวิตเราเลยแม้แต่น้อย เราจะไม่สามารถก้าวเดินไปตามเป้าหมายของเราได้เลย เพราะเมื่อไหร่ที่เราเอาคนอื่นมาเป็นตั้งเพื่อจะเอาชนะ มันจะไม่มีทางสำเร็จเพราะทางเดินชีวิตแต่ละคนไม่เหมือนกัน ให้วาง directions ของเราและเดินไปถึงเป้าหมายนั้นด้วยการเป็นตัวคุณ มันอาจจะมีสะดุดบ้าง แต่ให้ใช้ความมั่นใจทั้งหมดที่คุณมีเชื่อมั่นได้เลยว่าความสุขของคุณไม่ได้อยู่ไกลตัวคุณเลย
3. “Don’t complain about things you’re not willing to change.” อย่าตำหนิกับสิ่งที่คุณไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
คุณรู้ไหมว่าพฤติกรรมการทำอะไรซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ของเราจนเกิดความเคยชินและในที่สุดมันจะกลายเป็นนิสัย หากพฤติกรรมนั้นเป็นไปในเชิงบวก แน่นอนว่าเราจะเป็นคนที่มีลักษณะของคนที่มีทัศนคติการดำเนินชีวิตที่ดี แต่หากพฤติกรรมนั้นเป็นไปในเชิงลบ ก็คงพอจะมองออกว่านิสัยจากความเคยชินในทางลบมันดูแย่แค่ไหน
การที่เราไม่ยอมเปลี่ยนแปลงมันก็คือการคิดเข้าข้างตัวเองอย่างหนึ่งราวกับว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่เราทำถูกต้องและดีแล้ว จึงไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะต้องเปลี่ยน มันอาจไม่มีตัวชี้วัดที่ชัดเจนว่าสิ่งที่คุณกำลังทำคือดีที่สุดแล้วนอกจากผลลัพธ์จากคนรอบข้างที่ปฏิบัติต่อคุณ วัดได้จากการตอบกลับในเชิงบวกนั่นหมายถึงคุณทำถูกต้อง หากวัดออกมาในเชิงลบนั่นแปรว่าคุณต้องเปลี่ยนตัวเองโดยด่วน
4. “If you can’t do anything about it then let it go. Don’t be a prisoner to things you can’t change.” ถ้าคุณไม่สามารถทำมันได้สำเร็จ ก็อย่ากักขังตัวเองด้วยการไม่เปลี่ยนแปลง
ประโยคนี้กำลังบอกคุณผู้หญิงทั้งหลายว่าอย่าจมอยู่กับสิ่งที่เป็นความฝันนานเกินไป เพราะความฝันน้อยครั้งที่จะทำมันสำเร็จนอกเสียจากความฝันนั้นอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงของชีวิต การอยู่ในความฝันมันทำให้เรามีความสุข แต่เมื่อเราตื่นมันคือความจริงที่เราต้องเจอ
เมื่อไหร่ที่เรารู้สึกว่าสิ่งที่เรากำลังพยายามจนสุดกำลัง แต่พยายามเท่าไหร่ผลลัพธ์ที่ได้คือไม่สำเร็จ ให้หยุดและทบทวนหาสิ่งใหม่ อย่าตกเป็นทาสของความฝังใจจนทำให้คุณไม่สามารถที่จะก้าวเดินต่อไปข้างหน้าได้อีก ในโลกนี้มีอีกหลายอย่างให้เราได้เรียนรู้ บางทีสิ่งที่อยู่บนมือคุณอาจจะไม่ใช่ของคุณก็ได้ไม่มีใครรู้
ดังนั้น จงอย่าเป็นทาสหรือจมอยู่กับสิ่งที่ขัดขวางการเปลี่ยนแปลง ยอมที่จะปล่อยสิ่งนั้นไปต่อให้เรารู้สึกเสียดายมากแค่ไหนก็ตาม
5. “Treat me like a joke and I’ll leave you like it’s funny.” เมื่อไหร่ที่คุณเห็นฉันเป็นเรื่องตลก ฉันก็จะทิ้งคุณเหมือนเรื่องสนุก
ความเป็นผู้หญิง บ่อยครั้งที่ผู้ชายหรือคนอื่นรอบข้างมักคิดว่าเราต้องมีความอ่อนแอเสมอ อย่าให้พวกเขาคิดถูกผู้หญิงไม่ได้อ่อนแออย่างที่พวกเขาเห็นเสมอไป
ปล่อยให้พวกเขาเล่นตลกกับคุณไปเรื่อย ๆ และให้เรานิ่งให้พอแล้วรอให้เป็น เมื่อไหร่ที่พวกเขาคิดว่าอยู่เหนือคุณและสามารถเอาชนะมันได้ ให้คุณลองปล่อยมือจากพวกเขาแบบเงียบ ๆ เพื่อให้พวกเขาได้รู้สึกว่าเขาคือของเล่น และปรับความรู้สึกของเราสู่โหมดความบันเทิง เมื่อผู้ชายคนหนึ่งผิดนัดคุณ คุณก็แค่บอกลาด้วยคำว่าไม่เป็นไร เพราะผู้ชายบางคนก็เป็นแค่อาหารเดิม ๆ เมื่อมันไม่อร่อย คุณก็แต่เปลี่ยนเมนูก็เท่านั้นเอง เดินออกมาแบบสวย ๆ มันเก๋ดีจะตายจริงไหม
การสร้างพลังให้กับตัวเองยังคงมีอีกหลายสิ่งดี ๆ ที่ยังเอามาบอกเล่ากันไม่หมด นี่แค่บางส่วนที่เชื่อว่าหลังจากที่ผู้หญิงหลายคนได้อ่านมัน พลังงานการต่อสู้ในตัวเองคงเริ่มสูบฉีดกันบ้าง เชื่อเถอะว่าพลังการปรับเปลี่ยนหากทำได้คุณจะสามารถไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า เมื่อที่คุณทำมันได้เร็วนั่นก็คือคุณจะสามารถเดินได้ไกลและมั่นคงกว่าคนที่ยังลังเลอย่างแน่นอน
Credit ฝากถอนไม่มีขั้นต่ำ