อะไรที่จะคลาสสิคไปกว่าการได้เป็นแม่บ้านที่จะต้องยืนมองความรกรุงรังภายในบ้านและทำให้คุณรู้สึกราวกับจะเป็นบ้า ไม่น่าเชื่อว่าความยุ่งเหยิงและความรกภายในบ้านจะสร้างความกังวลแบบที่สุดให้กับความเป็นแม่บ้านของคุณ มองเผินเผินมันอาจจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับการจัดระเบียบและการทำความสะอาด แต่เมื่อไหร่ที่ทุกอย่างมันถูกกองไว้ตรงหน้าของคุณหรือถูกสะสมความรุงรังเอาไว้เป็นระยะเวลาหนึ่งมันก็ทำให้คุณคิดอะไรไม่ออกเลยไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนเพราะมันรกมากจนคุณแทบจะไม่รู้วิธีการพื้นฐานในการจัดการมันเลย
ความกังวลเหล่านี้จะหมดไปเพราะเราได้นำเอาวิธีการที่จะสร้างความเป็นระเบียบเรียบร้อยให้กับบ้านของคน ด้วยวิธีการที่คุณสามารถเป็นผู้ควบคุมทุกขั้นตอนได้ด้วยตัวเองอย่างมืออาชีพ และที่สำคัญจะทำให้คุณกลายเป็นคุณแม่บ้านได้แบบสมบูรณ์แบบที่สุดเพียงแค่คุณให้เวลารื้อทุกสิ่งทุกอย่างและจัดการมันใหม่ภายใน 15 วัน หลังจากนี้เป็นต้นไปมันจะทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นและทำให้คุณสามารถเริ่มต้นการเป็นแม่บ้านอย่างมืออาชีพได้แบบไม่ยุ่งยากอีก
7 วันแห่งความเป็นมืออาชีพ
Day 1 จัดการมุมขยะของคุณ
หากต้องการเรียกให้มันดูเก๋เราสามารถเรียกมันว่าเป็น Dump Spot เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญเพราะภายในบ้านของคุณมันไม่ได้หมายความว่าคุณจะจำกัดเพียงแค่ 1-2 จุดสำหรับการวางถังขยะ อย่าลืมว่าโดยนิสัยของคนเรามักจะมีความขี้เกียจในการจะต้องเดินมากกว่า 5 ก้าวเพื่อทิ้งขยะ
ควรจะเริ่มที่จะให้มีถังขยะอยู่ในบริเวณเหล่านี้อย่าง ทางเข้าไปสู่ห้องต่างๆ บริเวณโต๊ะอาหาร และบริเวณเคาน์เตอร์ในครัว เพราะขยะที่คุณจะทิ้งมันไม่ได้หมายความว่าเป็นขยะหลังจากการทำอาหารของคุณเท่านั้น ทุกๆใบเสร็จการซื้อของหรือแม้กระทั่งโน้ตที่คุณแปะเอาไว้สิ่งเหล่านี้มันก็จะเป็นสิ่งที่ถูกต้องทิ้งลงไปในถังขยะทั้งหมดทั้งสิ้น ดังนั้นการให้มีถังขยะอยู่ในจุดที่สำคัญเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยที่จะทำให้ขยะไม่ถูกทิ้งขว้างหรือวางเอาไว้ในบริเวณที่ไม่ควร
ลองทำสิ่งนี้
- ให้คุณลองใช้กล่องเปล่าหรือตะกร้าซักผ้าที่ไม่สมบูรณ์แบบ คุณสามารถสวมมันทำด้วยถุงขยะแล้ววางเอาไว้ตามจุดที่คุณกำหนดไว้
- ให้คุณลองคัดจากบิลหรือเศษกระดาษโน๊ตที่คุณไม่ได้ใช้มันและนำมันทั้งหมดไปทิ้ง เหลือเอาไว้เพียงบิลหรือ Note ที่คุณยังต้องใช้มันต่อจะให้คุณวางเอาไว้ให้เป็นระเบียบสร้างจุดเก็บบิลต่างๆ
- เมื่อคุณวางตะกร้าหรือกล่องเปล่าตามจุดต่างๆให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณสามารถนำขยะที่คุณใส่ทิ้งลงในถังขยะรักได้ในทุกวันคุณอาจจะทำมันก่อนที่คุณจะเข้านอนเพื่อไม่ให้มีเศษอาหารหรือขยะอยู่กลางคืน
- สำหรับวันแรกของการเริ่มต้นจัดระเบียบกันจัดการความรกรุงรังของบ้านของคุณ หลังจากเวลาที่คุณได้ทำตามขั้นตอนเหล่านี้คุณสามารถหยุดความสนใจที่จะทำอย่างอื่นต่อ แล้วหันไปสนใจแก้วกาแฟของคุณต่อได้เลย
DAY 2 จัดการกับตู้เสื้อผ้า
เราจะไม่บอกให้คุณจัดการเรื่องของการทำความสะอาดในวันที่ แต่เราจะให้คุณหันกลับไปมองตู้เสื้อผ้าที่มันรกเรื้อรังและไม่มีการจัดระเบียบของคุณในตอนนี้ และให้คุณทำตามขั้นตอนเหล่านี้
- ให้คุณเอาทุกอย่างออกจากตู้ และจัดการกับฝุ่นภายในตู้ที่สะสมมาอย่างยาวนาน
- แยกเอาสิ่งที่ไม่จำเป็นและไม่ใช่สิ่งที่ต้องการอยู่ในตู้เสื้อผ้าออกไป อย่างเช่นเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวหากในขณะนี้มันเป็นแค่ฤดูร้อนหรือแม้กระทั่งรองเท้าคู่ใหม่ที่คุณยังไม่ได้ใส่
- ให้คุณเพิ่มตะกร้าใบเล็กสำหรับการใส่ชุดชั้นใน ถุงเท้าหรือร่มคันเล็ก
- เมื่อคุณสามารถแยกประเภทสิ่งของที่ไม่ใช่สำหรับตู้เสื้อผ้าออกไป ให้นำเสื้อผ้าที่จำเป็นที่คุณจะต้องใส่และชุดชั้นในหรือถุงเท้าของคุณใส่กลับไปและแยกระหว่างเสื้อ กางเกงหรือกระโปรงของคุณแยกออกให้เป็นสัดส่วน
Day 3 จัดการห้องนั่งเล่น
นี่อาจจะเป็นงานใหญ่สำหรับคุณเพราะห้องนั่งเล่นมักจะถูกประดับประดาด้วยทุกสิ่งทุกอย่างมารวมกันไว้ตรงนี้ไม่เว้นแม้กระทั่งจานอาหาร
- การเริ่มต้นจัดการคลัง DVD เก่าของคุณ คุณสามารถจัดการพื้นที่บริเวณนั้นให้เป็นพื้นที่ว่างได้เพราะในยุคปัจจุบันประเทศส่วนใหญ่คนสามารถดูผ่านระบบดิจิตอลหรือ Streaming ได้ คุณอาจจะเก็บมันเอาไว้ในห้องเก็บของ
- หนังสือนิตยสารที่คุณชอบ หากคุนอ่านมันไปทั้งหมดแล้วคุณก็สามารถเก็บมันใส่กล่องและเอาไว้ในห้องเก็บของได้เช่นกัน แต่หากคุณเป็นคนชอบแบ่งปันคุณสามารถนำหนังสือเหล่านี้ไปบริจาคส่งต่อให้กับคนอื่นต่อได้
- จัดการกับสิ่งของที่ไม่ควรจะอยู่ในห้องนั่งเล่นเช่น เสื้อผ้าของคุณหรือแม้กระทั่งเครื่องประดับและรองเท้า รวมไปถึงจานอาหารหรือแก้วน้ำถึงแม้ว่ามันไม่ได้ถูกใช้ก็ตาม คุณสามารถนำของที่ไม่สมควรอยู่ในห้องนั่งเล่นเก็บไว้ในห้องเก็บของหรือพื้นที่ที่มันควรจะอยู่
- จัดการกับฝุ่นตามชั้นที่เคยรกรุงรังและทำความสะอาดพื้น
สำหรับทั้ง 3 วันนี้เป็นวิธีการจัดการในเบื้องต้นที่จะทำให้คุณสามารถจัดการในขั้นตอนต่อไปที่เล็กน้อยลง พอสำหรับ 3 วันจะเป็นสิ่งที่คุณต้องทำเป็นหลักให้ได้เสียก่อน เมื่อคุณสามารถจัดการกับสิ่งที่ต้องทำที่ใหญ่ที่สุดได้เรียบร้อยแล้ว อีกไม่กี่วันที่เหลือก็จะกลายเป็นงานเล็กๆที่ทำให้คุณทำงานง่ายและเร็วขึ้น
Day 4 การจัดการกับขยะภายในลิ้นชักของคน
เฟอร์นิเจอร์ในบ้านของคุณแทบจะทุกห้องจะต้องมีตู้ที่เป็นลิ้นชัก และพื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ที่คุณอาจจะเรียกว่าเป็นพื้นที่ในการเตือนความจำของคุณ เพราะคุณมักจะโยนทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไปไว้ในลิ้นชักโดยปราศจากการแยกชั้นที่ชัดเจนดังนั้น Day 4 ก็จะเป็นการเริ่มต้นถึงการจัดการขยะในลิ้นชักเหล่านี้
- คุณดึงลิ้นชักของคุณออกมาและเททุกอย่างลงไปในกล่อง และเริ่มที่จะคัดแยกสิ่งที่ยังสามารถใช้งานต่อไปได้ออกจากในกล่องก่อน
- และให้คุณหันมาจัดการกับสิ่งของที่ไม่ได้ใช้หรือเสียไปแล้วอย่างเช่น รีโมทแอร์ หรือรีโมททีวีเครื่องเก่าที่คุณทิ้งมันไปแล้ว มันคือสิ่งของที่พังเสียหายและไม่สามารถกลับมาใช้งานได้อีก ให้คุณทิ้งมันเอาไว้ในกล่องอย่างนั้นเพราะกล่องนั้นคือกล่องที่คุณจะเก็บของที่เสียหายและคัดแยกของที่ใช้งานได้ออกมา
- ทำให้ลิ้นชักของคุณเหลือเพียงสิ่งของที่จำเป็นจะเก็บเท่านั้นและแยกประเภทด้วยการแยกชั้นลิ้นชักให้เรียบร้อยเพื่อให้สะดวกและใช้งานได้ง่ายขึ้นต่อการจดจำ
Day 5 จัดการห้องซักรีด
ห้องนี้จะเป็นห้องเฉพาะสำหรับเสื้อผ้าของคุณ ดังนั้นอุปกรณ์ที่อยู่ภายในห้องนี้คุณไม่ควรที่จะต้องมีอุปกรณ์ที่นอกเหนือจากเหล่าบรรดาน้ำยาซักผ้าหรือน้ำยารีดผ้าเท่านั้น ห้องที่จะใช้เป็นห้องสำหรับทำความสะอาดเสื้อผ้ามีความจำเป็นอย่างมากที่จะต้องเน้นการจัดการฝุ่นเพื่อไม่ให้เกาะติดไปกับเสื้อผ้าในขณะที่คุณนำมันไปไว้ในตู้เสื้อผ้าของคุณ
- ใช้วิธีเหมือนกับวิธีอื่น ๆ นั่นก็คือนำกล่องกระดาษมาแยกประเภทของสิ่งของภายในห้องซักรีด
- จัดการทำความสะอาดเครื่องซักผ้าของคุณโดยใช้ตัวช่วยน้ำส้มสายชูในการเช็ดทำความสะอาดตามซอกเพื่อเป็นการถนอมวัสดุเครื่องซักผ้า และเป็นการทำความสะอาดฝุ่นได้อย่างล้ำลึกที่ติดอยู่ภายในเครื่องซักผ้า
- ทำความสะอาดชั้นวางหรือตู้ใส่น้ำยาต่าง ๆ ให้ปราศจากฝุ่น
เมื่อคุณทำตามขั้นตอนเหล่านี้แล้วให้คุณนำถุงน้ำยาหรือน้ำยาต่าง ๆ กลับเข้าไปวางไว้ในชั้นและสิ่งของที่ไม่จำเป็นให้คุณคัดแยกมันออกไปเก็บไว้ในห้องเก็บของหรือในพื้นที่ที่มันควรจะอยู่ เพราะในห้องซักรีดควรจะมีเฉพาะอุปกรณ์ในการซักรีดเท่านั้น
Day 6 การจัดการกับห้องทำงานของคุณ
สำหรับการจัดการห้องทำงานเป็นห้องที่คุณจำเป็นที่จะต้องใช้สมาธิที่มากที่สุด เพราะมันไม่ใช่เพียงงานทำความสะอาดเท่านั้นมันยังเป็นงานการจัดเรียงเอกสารที่ต้องใช้ความถูกต้องและต้องใช้เวลา ดังนั้นการจัดการกับห้องทำงานจึงถูกจัดระเบียบเป็นอันดับท้าย ๆ มาดูกันว่าคุณจะต้องจัดการอย่างไรบ้างกับพื้นที่ทำงานส่วนตัวของคุณเอง
- ก่อนอื่นให้คุณแยกเอกสาร ด้วยการแยกประเภทจากกล่องที่คุณเตรียมเอาไว้ ตัวเอกสารเหล่านี้คุณจำเป็นที่จะต้องคัดแยกเกี่ยวกับเอกสารทำงานและเอกสารส่วนตัวของคุณออกจากกัน
- เมื่อแยกเอกสารออกเป็นที่เรียบร้อยแล้วคุณจำเป็นที่จะต้องคัดแยกเอกสารที่หมดอายุและไม่จำเป็นที่จะต้องใช้งานต่อเนื่องและเก็บเป็นหลักฐานทิ้งไปหรือทำลายมัน
- คุณจำเป็นจะต้องจัดเรียงให้เป็นไฟล์และระบุไฟล์นั้นให้ชัดเจนสำหรับการหยิบมาใช้ในครั้งต่อไป
- จับวางโต๊ะหรือเก้าอี้ไว้ในมุมที่คุณรู้สึกสะดวกที่สุดและเริ่มทำความสะอาด
งานของคุณมันอาจจะเป็นห้องพักผ่อนของคุณไปด้วยดังนั้นคุณอาจจะมีเฟอร์นิเจอร์มากกว่าโต๊ะทำงาน หากในห้องทำงานของคุณมีโซฟาเล็ก ๆ สำหรับการนั่งพักผ่อน ให้คุณจัดการฝุ่นและทำความสะอาดฝุ่นสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และสิ่งที่ดีที่สุดคือการไม่นำอาหารเข้ามารับประทานในห้องทำงานของคุณยกเว้นกาแฟเท่านั้น
Day 7 จัดการกับตู้เย็นและตู้ใส่ของกิน
ตู้เย็นเป็นพื้นที่ที่มักจะนิยมกักเก็บของหมดอายุไว้มากที่สุด เพราะของเหลือจากการรับประทานอาหารในแต่ละมื้อมักจะถูกยัดเอาไว้ในตู้เย็นเพื่อความง่ายและสะดวก บ่อยครั้งที่คุณหลงลืมและทำให้มันหมดอายุในที่สุด มีคนเคยทิ้ง source หรืออาหารบางอย่างไว้เป็นเดือนจนทำให้คุณแทบจะต้องทิ้งภาชนะที่ใส่มันไปด้วยเลยก็มี
ให้คุณใช้วิธีเดียวกันกับตู้ทุกอย่างคือการรื้อมันออกมาให้หมด และให้คุณโยนอาหารที่หมดอายุหรือมีอายุมากกว่า 2 วันขึ้นไปและไม่ได้อยู่ในตู้แช่แข็งทิ้งไปให้หมดเพราะนั่นคือแหล่งสะสมของแบคทีเรียที่ร่างกายไม่ต้องการ คุณอาจจะต้องใจแข็งกับมันซะหน่อยสำหรับความรู้สึกเสียดาย และคุณสามารถใช้วิธีเดียวกันกับการจัดการขยะชั้นวางอาหารของคุณด้วยเหมือนกัน ขวดซอสหรือน้ำสลัดบางอย่างก็อาจจะถึงวันหมดอายุโดยที่คุณไม่เคยแตะต้องมันเลย ให้คุณเริ่มเป็นนักสำรวจและเป็นนักตรวจสอบวันหมดอายุบนฉลากอาหารและจัดการทิ้งอาหารที่เกินกำหนดแล้วให้หมด
การจัดการกับห้องทั้งหมดในบ้านของคุณครบทั้ง 7 วันแล้ว ส่วนที่เหลือก็จะเป็นการทำความสะอาดแบบย่อยๆ ตารางจากที่ห้องตู้และชั้นได้ถูกจัดระเบียบ การเริ่มต้นการทำความสะอาดที่ไม่สร้างความรำคาญใจให้กับคุณก็จะเริ่มขึ้นได้อย่างง่ายดาย และคุณก็จะกลายเป็นแม่บ้านแบบมืออาชีพที่ใครๆก็ต้องอิจฉาเพราะคุณจะไม่เหนื่อยกับมันอีกต่อไป