วิธีการจัดการกับความวิตกกังวลและความเครียดในที่ทำงานสำหรับผู้หญิง

คุณเคยรู้สึกไหมว่าที่ทำงานมันจะเป็นที่ที่เรารู้สึกไม่อยากไปแล้วมันยังคงเป็นที่ทำให้เรารู้สึกป่วยในบางเวลาเนื่องจากมีปัจจัยหลาย ๆ อย่าง โดยเฉพาะบรรยากาศภายในที่ทำงาน เช่น ผู้คนรอบข้างที่เป็นเพื่อนร่วมงาน เจ้านายหรือแม้กระทั่งโต๊ะทำงานที่มันสามารถทำให้คุณรู้สึกไม่อยากจะเจอมันเลย

ความวิตกกังวลเหล่านี้มันจะเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดความรู้สึกเป็นผู้ป่วยในความคิด และแน่นอนว่ามีหลายคนแก้ปัญหาบรรยากาศแย่ ๆ เหล่านี้ด้วยการหายตัวสักเสี้ยววินาที และบ่อยครั้งที่ซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำเป็นเวลานาน ๆ เพื่อใช้เวลาในการคิดทบทวนหรือช่วยทำให้ความรู้สึกของเราผ่อนคลายลง 

แน่นอนเมื่อไหร่ความรู้สึกเหล่านี้เกิดขึ้นกับคุณ มันจะทำให้ชีวิตหรือการดำเนินชีวิตของแต่ละวันเป็นไปด้วยความเจ็บปวดทางใจ บางวันคุณอยากจะหนีบางวันคุณไม่อยากเจอหน้าใครเลยและบางวันคุณแทบไม่อยากจะพูด แต่ทว่าการตัดสินใจลาออกก็ไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง

วันนี้เรามีการแบ่งปันวิธีการที่จะทำให้คุณรับมือกับความรู้สึกเครียดในที่ทำงานได้อย่างเป็นระบบและผลลัพธ์ของมันออกมาจะทำให้ชีวิตการทำงานของคุณราบรื่นไม่สะดุดและไม่ทำให้คุณรู้สึกอยู่ในสภาวะซึมเศร้าในที่ทำงาน ลองมาดูกันว่าแนวคิดเหล่านี้และการปรับตัวเหล่านี้จะช่วยคุณได้บ้างอย่างไร

ก่อนอื่นคุณจะต้องรู้จักการปรับทัศนคติกับที่ทำงานและต่องานของคุณก่อนเป็นอันดับแรก และการสร้างการเริ่มต้นวันใหม่อย่างมีความสุข ด้วยวิธีการง่าย ๆ ก็คือการเตรียมใจให้พร้อมรับกับทุกสิ่งที่จะเกิดขึ้นคุณจะไม่รู้เลยว่าวันนี้จะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นกับชีวิตการทำงานของคุณบ้างแต่สิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องทำและเมื่อคุณทำมันได้นั่นแปลว่าวันนั้นคุณจะผ่านมันไปได้ทั้งวันนั่นก็คือการเตรียมพร้อมกันรับมือไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม 

ลองอ่านคำพูดดี ๆ ที่จะให้คุณเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มต้นทำงานในตอนเช้ามาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

1. วันนี้ฉันจะเป็นผู้ควบคุมทุกอย่าง

2. ฉันต้องเอาชนะทุกสิ่งให้ได้ด้วยตัวของฉันเอง

3. ฉันมีพลังที่จะรับมือด้วยการสังหารสิ่งที่จะทำให้ฉันรู้สึกป่วยวันนี้

4. ฉันจะฟังแรงจูงใจให้กับตัวของฉัน

5. เวลาของฉันมีค่าเสมอฉันจะไม่ยอมเสียเวลากับสิ่งที่ไร้สาระหรือสิ่งที่ทำให้ฉันต้องหยุดชะงัก

6. ฉันเป็นคนเก่งไม่ว่าอะไรก็ตามไม่สามารถที่จะโค่นฉันได้

7. ฉันจะต้องบรรลุเป้าหมายของฉันให้ได้

แน่นอนว่า 7 สิ่งมหัศจรรย์เหล่านี้จะสามารถช่วยผลักดันให้คุณมีพลังในการที่จะต่อสู้กับความตึงเครียดในบรรยากาศในที่ทำงานของคุณได้เป็นอย่างดีเมื่อไหร่ที่คุณตื่นขึ้นมาและให้คำพูดดี ๆ ทั้ง 7 ข้อนี้นั้นแปลว่าวันนี้ทั้งวันชีวิตของการทำงานของคุณจะสดใสและมีพลัง เรามาดูกันต่อว่า หลังจากที่เราให้พลังกับตัวเองในการเริ่มต้นการทำงานแล้วเรามาดูว่าวิธีการรับมือกับปัญหาที่จะเกิดในที่ทำงานแบบ Cool Cool เขาทำกันยังไงให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี

การดูแลตัวเองในที่ทำงาน 

1.ปรับสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายมากเพียงแค่คุณเดินเข้าไปด้วยความคิดในเชิงบวกและคุณมองทุกคนรอบข้างของคุณให้เป็นมิตรต่อให้คนที่คุณกำลังเผชิญหน้าอยู่ตรงหน้าเขามองบนใส่คุณก็ตาม เมื่อคุณเดินไปยังโต๊ะทำงานของคุณคุณสามารถจัดโต๊ะทำงานของคุณให้ดูเป็นธรรมชาติจัดแต่งมีต้นไม้ต้นเล็ก ๆ รูปภาพครอบครัวหรือคนรักเล็ก ๆ น่ารักตั้งวางไว้เพื่อเป็นกำลังใจให้กับคุณ คำพูดที่เป็นแรงบันดาลใจที่คุณแปะมันไว้ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์หรือแม้กระทั่งกำแพงห้องทำงานของคุณเพื่อที่ไหนเวลาคุณรู้สึกเหนื่อยล้าหรือตึงเครียดกับอะไรหลาย ๆ อย่างเพียงแค่คุณเหนื่อยหน้าขึ้นไปอ่านมันหรือมองตรงไปที่รูปเหล่านั้นมันจะทำให้อารมณ์ของคุณและสภาพแวดล้อมในที่ทำงานของคุณดีขึ้นมาทันที

2. การจัดตารางความสำคัญของงานในแต่ละอย่างในแต่ละวัน การตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อเป็นการเตือนให้กับตัวคุณเองได้รู้ว่าถึงเวลาที่คุณจะต้องจัดการงานสำคัญในเรื่องใดบ้าง กุญแจสำคัญในหัวข้อนี้นั่นหมายถึงคุณจะต้องรู้ก่อนว่าในวันนี้งานใดที่มีความสำคัญมากที่สุดคุณต้องเรียงลำดับความสำคัญจากมากไปหาน้อย ทำมันด้วยความรอบคอบเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีและเพื่อให้งานไม่ต้องมีการแก้ไข

3. การกำหนดสิ่งที่จะทำการกระตุ้นทำให้คุณเกิดความตึงเครียดและความกังวลในที่ทำงาน เมื่อคุณลองเขียนและกำหนดสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ลงไปได้แล้วคุณจะมองเห็นได้ชัดเจนเลยว่าสิ่งใดที่มันทำให้คุณมีความตึงเครียดในการทำงาน จนกระทั่งทำให้ความรู้สึกในที่ทำงานของคุณเป็นไปในเชิงลบ เมื่อไหร่ที่คุณเห็นสิ่งกระตุ้นเหล่านี้อย่างชัดเจนแล้ว วิธีง่ายๆต่อไปก็คือการเข้าไปแก้ไขปรับปรุงสิ่งที่สร้างความตึงเครียดหรือคุณอาจจะลบมันทิ้งไปเลยก็ได้ 

4. ให้เวลากับตัวเอง บางครั้งเมื่อเวลาที่คุณรู้สึกตึงเครียด ในที่ทำงานเมื่อเวลาที่คุณไม่สามารถรับมือกับสิ่งแวดล้อมที่มันทำให้คุณรู้สึกดิ่งลงไปได้ ความคิดในเว็บและของคุณนั่นหมายความว่าคุณต้องซ่อนตัวอยู่ในที่ใดที่หนึ่งเพื่อที่ไม่ให้คนเห็นและเพื่อให้คุณได้อยู่กับตัวเองสักพักและช่วยลดอาการหายใจแรงและหัวใจเต้นเร็วให้เร็วที่สุด คุณสามารถแก้ไขมันได้โดยการสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ และเผชิญหน้ากับปัญหาที่กำลังเกิดตรงหน้าของคุณ และให้คิดไว้เสมอว่าไม่มีปัญหาใดในโลกที่ไม่มีทางแก้ หรือแม้ว่าปัญหานี้เป็นปัญหาที่คุณไม่สามารถแก้ไขมันได้งั้นก็แปลว่าคุณลองที่จะปรับเปลี่ยนแล้วใช้ชีวิตอยู่กับมันให้ได้ สติจะต้องมาก่อนสิ่งอื่นใดเสมอ

5. กำหนดเป้าหมายของคุณและหาทางที่จะทำให้มันสำเร็จ ลองใช้วิธี Smart Program เป็นตัวกำหนดความสำเร็จในเป้าหมาย มาดูกันว่า Smart มีความหมายว่าอย่างไรกันบ้างและมีวิธีปฏิบัติอย่างไร

S-Specific Goals เป็นการกำหนดเป้าหมายสำหรับสิ่งที่คุณกำลังจะทำหรือต้องการจะทำอย่างชัดเจน  โดยมีขั้นตอน How to ที่คุณเขียนมันขึ้นมาเองว่าทำอย่างไรให้มันสำเร็จ

M-measurable Goals เป้าหมายที่วัดได้ช่วยให้คุณประเมินว่าคุณบรรลุเป้าหมายหรือไม่ 

A- Attainable Goals การระบุวิธีที่จะปรับปรุงเพื่อให้เป้าหมายสำเร็จเป็นจริง

R-Relevant Goals เป้าหมายที่เกี่ยวข้องมีความสำคัญต่อคุณและแผนชีวิตของคุณ โดยการสร้างความแตกต่างในชีวิต

T-Time-based Goals เป้าหมายตามเวลาที่มีความเฉพาะเจาะจง สิ่งเหล่านี้เป็นเป้าหมายที่คุณมีเวลากำหนดไว้ทำให้สำเร็จ ดังนั้นคุณจึงมีแรงจูงใจมากขึ้น

6.  การกำหนดขอบเขตความต้องการหรือลิมิตอารมณ์ของคุณ คุณสามารถบอกเพื่อนร่วมงานหรือคนที่อยู่รอบข้างคุณได้ทันทีว่าคุณชอบอะไรหรือคุณไม่ชอบอะไรหรือคุณสามารถมีความอดทนมันได้มากน้อยแค่ไหน

7. การใส่ Playlist ลงไปและฟังมันในระหว่างทางที่คุณกำลังกลับบ้าน มันอาจจะเป็นเพลงที่คุณชอบหรืออาจจะเป็นบทความที่คุณอยากฟัง หลายคนลองเลือก Playlist แบบการใช้ดนตรีในการบำบัดในเรื่องของความรู้สึก การปรับความรู้สึกในการอยู่ในสังคม สิ่งนี้มักได้ผลในการควบคุมในเรื่องของอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับแนวคิดที่สามารถนำไปใช้ในการปรับลดความตึงเครียดในที่ทำงานของคุณ อย่าปล่อยให้ความตึงเครียดในที่ทำงานของคุณในทุกๆวันมาเป็นตัวจัดการการดำเนินชีวิตของคุณสะดุด คุณสามารถหลุดออกมาจากต้นเหตุที่กระตุ้นทำให้เกิดความตึงเครียดด้วยการปฏิบัติตามทั้งหมด 7 ข้อนี้